
"รถเป็นรอยนิดหน่อย เคลมดีไหมนะ?" "ถ้าเคลมบ่อย ๆ ปีหน้าเบี้ยประกันจะแพงขึ้นรึเปล่า?" นี่คือคำถามสุดฮิตในใจของเหล่ากู๊ดดี้คนมีรถทุกคน เพราะการมีประกันรถยนต์อยู่ในมือก็อยากใช้ให้คุ้มค่า แต่ก็แอบกังวลว่าการแจ้งเคลมแต่ละครั้งจะส่งผลอะไรตามมาบ้าง วันนี้ heygoody จะมาไขทุกข้อสงสัย สรุปความจริงที่หลายคนอาจยังไม่รู้เกี่ยวกับการเคลมประกันรถยนต์ รับรองว่าอ่านจบแล้วจะเข้าใจเคลียร์ ๆ ว่า แจ้งเคลมประกันเสียประวัติไหม และจะวางแผนการเคลมได้อย่างชาญฉลาดแน่นอน
ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักประเภทของการเคลมประกันกันก่อน ซึ่งโดยหลัก ๆ แล้วจะแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น
การเคลมสด คือการแจ้งเคลมประกัน ณ ที่เกิดเหตุทันที โดยจะมีเจ้าหน้าที่จากบริษัทประกันเดินทางมายังจุดเกิดเหตุเพื่อตรวจสอบความเสียหายและออกเอกสารใบเคลมให้ทันที การเคลมประเภทนี้มักใช้กับอุบัติเหตุที่มีคู่กรณี หรือมีความเสียหายค่อนข้างชัดเจน ทำให้การจัดการเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีหลักฐานครบถ้วนสมบูรณ์
ส่วนการเคลมแห้ง คือการแจ้งเคลมหลังจากเกิดเหตุการณ์นั้น ๆ ผ่านไปแล้ว โดยที่ไม่มีเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบ ณ ที่เกิดเหตุ มักเป็นกรณีอุบัติเหตุเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่มีคู่กรณี เช่น ถอยรถเฉี่ยวเสา ขับรถครูดฟุตบาท หรือรอยขีดข่วนเล็กน้อยที่หาคนทำไม่ได้ ผู้เอาประกันจะต้องถ่ายรูปความเสียหายและรวบรวมข้อมูลเพื่อแจ้งเคลมกับบริษัทประกันในภายหลัง
หลายคนอยากรู้ว่าจริง ๆ แล้ว ประกันเคลมได้กี่ครั้งกันแน่ โดยทั่วไปแล้วประกันภัยรถยนต์ไม่ได้จำกัดจำนวนครั้งในการเคลมต่อปี เหล่ากู๊ดดี้สามารถแจ้งเคลมได้ทุกครั้งเมื่อเกิดความเสียหายตามเงื่อนไขในกรมธรรม์ แต่สิ่งที่สำคัญกว่าจำนวนครั้ง คือ "ลักษณะของการเคลม" ว่าเราเป็นฝ่ายถูกหรือฝ่ายผิด ซึ่งสิ่งนี้จะส่งผลโดยตรงต่อประวัติและเบี้ยประกันในปีถัดไป

ขึ้นอยู่กับว่าเราเป็น "ฝ่ายถูก" หรือ "ฝ่ายผิด" ในอุบัติเหตุครั้งนั้น ๆ ถ้าเราเป็นฝ่ายถูก จะไม่เสียประวัติ แต่ถ้าเราเป็นฝ่ายผิดหรือเป็นการเคลมแบบไม่มีคู่กรณี ประวัติการเคลมของเราก็จะถูกบันทึกไว้ และอาจส่งผลกระทบต่อการคำนวณเบี้ยประกันในปีถัดไป
ผลกระทบของการเคลมจะแตกต่างกันอย่างชัดเจน ขึ้นอยู่กับสถานะของเราในอุบัติเหตุนั้น ๆ
ถ้าอุบัติเหตุเกิดขึ้นโดยที่เราเป็นฝ่ายถูกอย่างชัดเจนและมีคู่กรณี เหล่ากู๊ดดี้สามารถแจ้งเคลมได้เลยโดยไม่ต้องกังวล การเคลมในลักษณะนี้จะไม่ส่งผลเสียต่อประวัติของเราและไม่มีผลต่อการคำนวณเบี้ยประกันในปีต่อไปอย่างแน่นอน และบริษัทประกันของเราจะเรียกเก็บค่าเสียหายจากบริษัทประกันของฝ่ายผิดเอง
ในทางกลับกัน หากเหล่ากู๊ดดี้เป็นฝ่ายผิด หรือเป็นการเคลมแบบไม่มีคู่กรณี เช่น เฉี่ยวชนสิ่งของ การเคลมทุกครั้งจะถูกบันทึกเป็นประวัติของเรา ซึ่งถ้ามีการเคลมในลักษณะนี้บ่อยครั้ง หรือมีมูลค่าความเสียหายรวมกันสูงเกินกว่าเกณฑ์ที่บริษัทประกันกำหนด ก็จะส่งผลโดยตรงทำให้เคลมประกันแล้วเบี้ยเพิ่มขึ้นในปีถัดไปได้

เมื่อเราแจ้งเคลมในฐานะ "ฝ่ายผิด" หรือ "ไม่มีคู่กรณี" บริษัทประกันจะมองว่าเราเป็นผู้ขับขี่ที่มีความเสี่ยงสูงขึ้น ดังนั้นจึงมีโอกาสที่จะปรับเพิ่มเบี้ยประกันในปีต่ออายุ โดยปกติแล้วหากมีการเคลมเป็นฝ่ายผิดตั้งแต่ 2 ครั้งขึ้นไป หรือมีค่าซ่อมรวมกันเกิน 200% ของค่าเบี้ยที่จ่ายไป ก็มีความเป็นไปได้สูงที่เบี้ยประกันในปีถัดไปจะถูกปรับเพิ่มขึ้น หรือในบางกรณีที่ประวัติการเคลมสูงมาก บริษัทประกันอาจปฏิเสธการต่ออายุกรมธรรม์ได้เช่นกัน
สำหรับเหล่ากู๊ดดี้ที่เป็นสายขับรถดี ไม่เคยเฉี่ยวชนหรือเป็นฝ่ายผิดเลยตลอดทั้งปี จะได้รับ "ส่วนลดประวัติดี" (No Claim Bonus - NCB) ซึ่งจะช่วยให้ค่าเบี้ยประกันในปีต่อ ๆ ไปถูกลง โดยส่วนลดนี้จะเพิ่มขึ้นเป็นขั้นบันไดในแต่ละปีที่ไม่มีการเคลมฝ่ายผิด สูงสุดถึง 50% เลยทีเดียว การขับขี่อย่างปลอดภัยจึงไม่เพียงแต่ดีต่อชีวิตและทรัพย์สิน แต่ยังช่วยให้เราประหยัดเงินในกระเป๋าได้อีกด้วยนะ
ประกันรถยนต์ชั้น 1 สามารถเคลมได้ไม่จำกัดจำนวนครั้งตลอดระยะเวลาเอาประกันภัย 1 ปี ตราบใดที่ความเสียหายนั้นอยู่ในเงื่อนไขความคุ้มครอง แต่การเคลมบ่อยในฐานะฝ่ายผิดก็จะส่งผลต่อเบี้ยประกันในปีถัดไปเช่นเดียวกัน
ค่า Excess หรือค่าเสียหายส่วนแรก มักจะเกิดขึ้นกับการเคลมแห้งที่ไม่มีคู่กรณี หรือไม่สามารถระบุวันเวลาสถานที่เกิดเหตุได้ชัดเจน ดังนั้น วิธีที่ดีที่สุดในการเคลมโดยไม่เสียค่า Excess คือการ "เคลมสด" ณ ที่เกิดเหตุ หรือหากต้องเคลมแห้ง ก็ควรถ่ายรูปและจดบันทึกรายละเอียดของเหตุการณ์ให้ได้ชัดเจนที่สุดเพื่อแจ้งกับบริษัทประกัน
เหล่ากู๊ดดี้สามารถตรวจสอบประวัติการเคลมประกันรถยนต์ของตัวเองได้โดยตรงกับบริษัทประกันที่ทำสัญญาไว้ หรือสอบถามจากโบรกเกอร์ประกันที่เป็นผู้ดูแลกรมธรรม์ได้เลย
สรุปได้ว่าการแจ้งเคลมประกันไม่ได้ทำให้เสียประวัติเสมอไป ถ้าเราเป็นฝ่ายถูกก็สามารถใช้สิทธิ์ได้อย่างเต็มที่ แต่ถ้าเป็นฝ่ายผิดก็ควรพิจารณาความคุ้มค่าก่อนตัดสินใจเคลม
ใครที่กำลังมองหาประกันรถยนต์ที่ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ heygoody โบรกเกอร์ประกันออนไลน์ที่มัดรวมแผนประกันจากบริษัทชั้นนำมาให้เหล่ากู๊ดดี้เปรียบเทียบง่าย ๆ ไม่ว่าจะเป็นประกันรถยนต์รายปี หรือประกันรถยนต์ระยะสั้นสำหรับคนใช้รถน้อย สามารถเช็คราคา เปรียบเทียบแผนความคุ้มครอง และเลือกซื้อได้สะดวกตลอด 24 ชั่วโมง การันตีราคาดี พร้อมส่วนลดจัดเต็มตลอดทั้งปี ให้ heygoody ช่วยดูแลเรื่องประกัน เพื่อการขับขี่ที่อุ่นใจและประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาว
ที่มา : car4cash
























