
อุบัติเหตุเป็นเรื่องชวนปวดหัว แต่เรื่องที่ปวดหัวยิ่งกว่าคือ บิลค่าซ่อมรถที่ตามมาทีหลัง โดยเฉพาะเมื่อเราเป็นฝ่ายผิดแล้วเจอจดหมายจากบริษัทประกันของคู่กรณีเรียกเก็บเงินก้อนโต วินาทีนั้นคงทั้งช็อก ทั้งเครียดว่า ถ้า ประกันเรียกเก็บค่าซ่อม ไม่มีเงินจ่ายทันทีจะทำยังไงดี? ไม่ต้องกังวลไป! ปัญหานี้มีทางออกเสมอ วันนี้ heygoody จะมาแนะแนวทางรับมืออย่างเหมาะสม
เหล่ากู๊ดดี้หลายคนอาจสงสัยว่า ในเมื่อเราก็มีประกันรถยนต์ของเราเอง แล้วทำไมบางครั้งยังต้องจ่ายเงินเพิ่มอีก? สาเหตุหลัก ๆ นั้นมีอยู่ไม่กี่อย่าง อย่างแรกคือกรณีที่เราเลือกแผนประกันที่มี ค่าเสียหายส่วนแรก (Deductible) ซึ่งเป็นข้อตกลงว่าเราจะร่วมรับผิดชอบค่าซ่อมตามจำนวนที่กำหนดไว้เพื่อแลกกับเบี้ยประกันที่ถูกลง หรืออาจเป็นค่าเสียหายส่วนแรกภาคบังคับ (Excess) ที่เกิดขึ้นจากการเคลมแบบไม่มีคู่กรณีหรือไม่สามารถระบุรายละเอียดเหตุการณ์ได้ชัดเจน
แต่สาเหตุที่เจอบ่อยที่สุดและน่ากังวลที่สุด คือกรณีที่เกิดอุบัติเหตุรุนแรงจนค่าซ่อมรถของคู่กรณีสูงเกินวงเงินความคุ้มครอง ที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ของเรา ส่วนต่างที่เกินมานั้นจะกลายเป็นความรับผิดชอบที่เราต้องจ่ายเพิ่มเองทั้งหมด

ต้องตั้งสติ ห้ามเพิกเฉย หรือหนีปัญหาเด็ดขาด การเงียบหายไปจะทำให้เรื่องราวบานปลายไปสู่การฟ้องร้องทางกฎหมายได้ ให้รีบติดต่อกลับไปยังบริษัทประกันของคู่กรณีตามเบอร์ที่ให้ไว้ในเอกสารทันที เพื่อแจ้งให้เขาทราบถึงสถานการณ์ของเราและแสดงความจริงใจว่า เหล่ากู๊ดดี้พร้อมที่จะรับผิดชอบ จะขอผ่อนจ่ายเป็นงวดได้ไหม การสื่อสารอย่างตรงไปตรงมาตั้งแต่เนิ่น ๆ จะทำให้การเจรจาในขั้นตอนต่อไปเป็นไปอย่างราบรื่นและหาทางออกร่วมกันได้ง่ายขึ้น
บริษัทประกันส่วนใหญ่เข้าใจดีว่า ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีเงินก้อนพร้อมจ่ายค่าเสียหายจำนวนมากได้ในทันที โดยจะเปิดโอกาสให้เราเจรจาเพื่อประนอมหนี้ หรือก็คือการตกลงทำสัญญาผ่อนชำระเป็นงวด ๆ ตามกำลังที่เราสามารถจ่ายได้ โดยอาจจะมีการกำหนดจำนวนเงินต่องวดและระยะเวลาที่ชัดเจน การเจรจาขอผ่อนชำระแสดงถึงความรับผิดชอบและเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการจัดการหนี้ก้อนนี้โดยไม่ทำให้สถานะทางการเงินของเรารวนไปทั้งหมด
ถ้าเหล่ากู๊ดดี้ได้รับใบแจ้งหนี้แล้วรู้สึกว่า ราคาค่าซ่อมที่เรียกเก็บมานั้นสูงเกินกว่าความเป็นจริงอย่างน่าสงสัย อย่าเพิ่งยอมรับจ่ายตามจำนวนนั้นทันที สามารถขอให้บริษัทประกันแสดงรายละเอียดการซ่อมและราคาประเมินจากอู่เพื่อตรวจสอบความสมเหตุสมผล ถ้าการเจรจากันเองไม่เป็นผล บริษัทประกันอาจดำเนินการฟ้องร้องต่อศาล ซึ่งในขั้นตอนนี้ศาลจะเข้ามามีบทบาทเป็นคนกลางในการไกล่เกลี่ยและพิจารณาว่าราคาค่าซ่อมนั้นเหมาะสมหรือไม่ รวมถึงอาจช่วยกำหนดแนวทางการชำระหนี้ที่ยุติธรรมสำหรับทั้งสองฝ่าย
ในกรณีที่เราเป็นฝ่ายผิดและไม่มีประกันภัยภาคสมัครใจเลย ต้องจ่ายค่าซ่อมรถเองอยู่แล้วอย่างแน่นอน แต่ส่วนของค่าซ่อมรถคู่กรณี ก็จะมีการเจรจาเกิดขึ้น ถ้าฝั่งคู่กรณีมีประกัน ทางนั้นก็จะส่งบิลมาเรียกเก็บหลังจากซ่อมรถเสร็จแล้ว ถ้าจ่ายในก้อนเดียวไม่ไหว ทางออกก็ยังคงเป็นเช่นเดิมคือ การเจรจาขอประนอมหนี้และตกลงแผนการผ่อนชำระทันที การแสดงความรับผิดชอบและไม่หลบหน้าจะช่วยให้การเจรจาง่ายขึ้น และป้องกันไม่ให้เรื่องถูกส่งฟ้องศาลซึ่งจะทำให้กระบวนการยุ่งยากและเสียเวลามากขึ้น

ไม่มีกำหนดเวลาที่ตายตัวว่าต้องจ่ายภายในกี่วัน ทุกอย่างขึ้นอยู่กับกระบวนการและการเจรจาต่อรอง หลังจากบริษัทประกันส่งจดหมายแจ้งค่าเสียหายมาครั้งแรก จะมีระยะเวลาให้เราติดต่อกลับเพื่อดำเนินการ หากเราเพิกเฉยไม่ติดต่อกลับไปเลยเป็นเวลานาน บริษัทประกันก็จะเริ่มกระบวนการทางกฎหมายเพื่อฟ้องร้องต่อไป แต่ถ้าเรารีบติดต่อกลับเพื่อขอผ่อนชำระ ระยะเวลาในการจ่ายงวดแรกก็จะขึ้นอยู่กับข้อตกลงที่เราทำร่วมกับบริษัทประกันนั่นเอง
หลายคนอาจคิดว่า มีประกันแล้วจะรอดทุกสถานการณ์ แต่ความจริงแล้วมีข้อยกเว้นสำคัญหลายกรณีที่บริษัทประกันมีสิทธิปฏิเสธความคุ้มครองได้ แม้จะเป็นประกันชั้น 1 ก็ตาม ซึ่งจะทำให้เราต้องรับผิดชอบค่าเสียหายเองทั้งหมด ตัวอย่างเช่น
ถ้าเจอประกันเรียกเก็บค่าซ่อม ไม่มีเงินจ่าย ไม่ต้องเครียดจนเกินไป เพราะทุกปัญหามีทางออกเสมอ แค่ตั้งสติแล้วเข้าไปเจรจา ก็สามารถเปลี่ยนหนี้ก้อนโตให้กลายเป็นยอดผ่อนจ่ายแบบชิล ๆ ได้ แต่ทางที่ดีที่สุดคือการมีเกราะป้องกันไว้ตั้งแต่แรก เลือกประกันรถยนต์ที่ใช่กับ heygoody เรามัดรวมแผนประกันจากบริษัทชั้นนำมาให้เลือกเพียบ ไม่ว่าจะเป็นประกันรถยนต์ระยะสั้นสำหรับคนไม่ค่อยใช้รถ หรือประกันชั้น 1 ที่ให้วงเงินคุ้มครองสูงปรี๊ด หมดห่วงเรื่องค่าซ่อมเกิน เข้ามาเปรียบเทียบราคาพร้อมรับส่วนลดจัดเต็มได้ตลอด 24 ชั่วโมง เลือกความคุ้มครองที่ใช่ แล้วออกไปขับรถแบบสบายใจได้เลย
ที่มา : rabbit care
























