ออกรถคันแรกรุ่นไหนดี รวม 12 รถน่าใช้ 2025

ออกรถคันแรก เลือกรุ่นไหนดี? คำถามคาใจยอดฮิตของคนคิดจะซื้อรถยนต์คันแรก เพราะปัจจุบันมีรถน่าใช้ 2025 ในไทยหลายรุ่น วันนี้ heygoody เลยรวมรถน่าใช้มาฝากแบบจุใจถึง 12 รุ่น คัดมาแล้วว่า ประหยัดงบ แต่ครบเครื่องเรื่องสมรรถนะ เหมาะกับการเป็นรถคันแรกในราคาเริ่มต้นไม่ถึง 6 แสนบาท

ซื้อรถยนต์คันแรกอย่างไรให้ตอบโจทย์การใช้งาน

ซื้อรถคันแรกให้คุ้มค่า ต้องเลือกจากไลฟ์สไตล์และการใช้งานเป็นหลัก เช่น ไลฟ์สไตล์ส่วนใหญ่เป็นการเดินทางในเมือง นาน ๆ วิ่งทางไกลสักครั้ง แถมยังมีพื้นที่จอดรถจำกัด แนะนำให้ซื้อรถยนต์คันแรกเป็นรถ ECO Car หรือรถไฟฟ้าคันเล็ก แต่ถ้าเน้นความอเนกประสงค์ ใช้ขับขี่ระยะไกล ใช้งานแบบสมบุกสมบัน แนะนำให้ซื้อรถอเนกประสงค์คันใหญ่ เพราะใช้งานได้หลากหลาย จะขับในเมือง หรือขับไปเที่ยวไกล ๆ กันเป็นครอบครัวก็ตอบโจทย์สุด ๆ ถูกใจรุ่นไหน อย่าลืมคำนวณงบประมาณ กับค่าใช้จ่ายแฝงด้วย เช่น เงินดาวน์และค่างวด ค่าบำรุงรักษา ภาษีรถยนต์ หรือค่าประกันรถยนต์ เป็นต้น เพราะค่าใช้จ่ายเหล่านี้จะเป็นภาระผูกพันตัวทุก ๆ ปี ดังนั้นต้องคำนวณค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้ดี ก่อนตัดสินใจออกรถคันแรก เพื่อไม่ทำให้เงินตึงมือนั่นเอง

รถ Eco Car คันแรกที่แนะนำ

รถคันแรกสำหรับมือใหม่หัดขับ ขอแนะนำเป็นรถ Eco Car รถยนต์ขนาดเล็กกะทัดรัด ประหยัดน้ำมัน ราคาไม่แพง คัดมาให้แล้ว 4 รุ่น จาก 4 แบรนด์ดังอย่าง Toyota, Honda, Suzuki และ Mazda

1. Toyota Yaris ATIV

ใครมองหาซีดาน 4 ประตู ราคาประหยัด ต้องจัด Toyota Yaris ATIV รถ Eco Car รุ่นฮิตจากแบรนด์พี่โต จุดเด่นของคันนี้คงหนีไม่พ้นเรื่องความทนทานของเครื่องยนต์ และดูแลง่ายตามสไตล์รถ Toyota ภายในตกแต่งเรียบหรู ส่วนภายนอกมาในสไตล์ Fastback หลังคาด้านท้ายลาดลง พร้อมล้ออัลลอยปัดเงาสีทูโทนขนาด 16 นิ้ว

ด้านขุมพลังจะติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ Dual VVT-iE ความจุ 1.2 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 94 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 110 นิวตันเมตร เหมาะสำหรับคนที่อยากซื้อรถยนต์คันแรกที่เครื่องแรง ๆ นอกจากนี้เสริมกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ Super CVT-i พร้อม Sequential Shift ขับเคลื่อนล้อหน้า รองรับน้ำมัน E20 ความจุถังน้ำมัน 40 ลิตร ประหยัดน้ำมันสูงสุด 23.3 กม./ลิตร

ราคาจำหน่าย

• รุ่น Sport ราคา 549,000 บาท
• รุ่น Smart ราคา 594,000 บาท
• รุ่น Premium ราคา 669,000 บาท
• รุ่น Premium Luxury ราคา 699,000 บาท

2. Honda City Hatchback

Honda City Hatchback ฮอนด้าซิตี้รุ่น 5 ประตู ที่มาพร้อมดีไซน์สปอร์ต โฉบเฉี่ยว ห้องโดยสารขนาดใหญ่ เบาะนุ่มนั่งสบายทั้งคนขับและผู้โดยสาร ขับนาน ๆ ก็ไม่รู้สึกเมื่อย เพิ่มกิมมิคให้เบาะด้วยแถบสีแดงสื่อถึงความสปอร์ต นอกจากนี้ยังสามารถพับเบาะนอนในรถ หรือใส่สัมภาระต่าง ๆ ได้อย่างจุใจ สายเที่ยว สายออกทริปที่อยากถอยรถคันแรกต้องรุ่นนี้เลย

คันนี้ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ ความจุ 1.0 ลิตร VTEC TURBO ให้กำลังสูงสุด 122 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 173 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT ประหยัดน้ำมันสูงสุด 23.3 กม./ลิตร รองรับน้ำมัน E20 ได้อีกด้วย เรียกได้ว่า ขับสนุก เร็ว แรง แต่ประหยัดน้ำมันแบบสุด ๆ 

ราคาจำหน่าย

• รุ่น S+ ราคา 599,000 บาท
• รุ่น SV ราคา 679,000 บาท
• รุ่น RS ราคา 749,000 บาท
• รุ่น e:HEV SV ราคา 729,000 บาท
• รุ่น e:HEV RS ราคา 799,000 บาท
• รุ่น DRIVAL ราคา 829,000 บาท

3. Suzuki Swift

สำหรับมือใหม่หัดขับ อยากออกรถคันแรกที่หาที่จอดง่าย ขอแนะนำ Suzuki Swift รถ Eco Car ขนาดเล็กกะทัดรัด ดีไซน์น่ารัก เหมาะกับหนุ่มสาวยุคใหม่ ระบบช่วงล่างและเกียร์เสถียร สามารถเร่งความเร็วได้อย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง เหมาะสำหรับขับขี่ประจำวัน ใช้งานในเมือง หรือการเดินทางระยะสั้น ใครเน้นขับในเมือง คันนี้ตอบโจทย์

เห็นขนาดเล็กแต่สมรรถนะการขับขี่ไม่เล็กตาม เพราะ Suzuki Swift ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.2 ลิตร กำลัง 83 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 108 นิวตันเมตร และอัตราประหยัดน้ำมัน 23.3 กม./ลิตร พร้อมระบบ Idling Stop ช่วยลดการสิ้นเปลืองน้ำมันขณะรถหยุดนิ่งอีกด้วย

ราคาจำหน่าย

• รุ่น GL ราคา 567,000 บาท
• รุ่น GL NEXT ราคา 582,000 บาท 
• รุ่น GL PlUS ราคา 572,000 บาท
• รุ่น GLX ราคา 637,000 บาท

4. Mazda 2 Sedan

ไม่รู้จะซื้อรถคันแรกรุ่นไหนดี 2025 ขอแนะนำ Mazda 2 Sedan รถยนต์กลุ่ม B-Segment ที่อยู่ในหมวด Eco Car แต่กลับให้ความรู้สึกสบายในทุกมุมการใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่โดยสารที่ออกแบบให้กว้างเกินคาด หรือห้องเก็บสัมภาระด้านท้ายที่จุได้เยอะเกินตัว ถือเป็นตัวเลือกที่ลงตัวสำหรับการใช้งานในเมือง และยังเหมาะทั้งผู้หญิงและผู้ชายที่มองหารถขนาดเล็กไว้ใช้ในชีวิตประจำวัน

ด้านสมรรถนะ Mazda 2 Sedan จะใช้เครื่องยนต์ทั้งหมด 2 แบบ คือเครื่องยนต์เบนซิน 1.3 ลิตร และเครื่องยนต์ดีเซล 1.5 ลิตร เทอร์โบ ให้พละกำลังสูงสุด 93 และ 105 แรงม้าตามลำดับ มาพร้อมเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด และระบบขับเคลื่อนล้อหน้า จุดเด่นคือระบบ GVC-Plus ที่ช่วยควบคุมเสถียรภาพขณะเข้าโค้งได้อย่างแม่นยำ ส่งผลให้การขับขี่รู้สึกมั่นคงและปลอดภัยยิ่งขึ้น

ราคาจำหน่าย

• รุ่น 1.3 Prime ราคา 529,000 บาท
• รุ่น 1.3 Ultra ราคา 589,000 บาท
• รุ่น 1.3 Signature ราคา 659,000 บาท
• รุ่น XDL Signature ราคา 749,000 บาท

รถไฟฟ้าคันแรกที่แนะนำ

รถไฟฟ้ากระแสแรงดีไม่มีตกแบบนี้ ใครมองหารถคันแรกที่เป็นรถไฟฟ้า heygoody แนะนํารถยนต์ 2025 4 รุ่นมาแรง ตามนี้เลย

1. BYD Dolphin

อยากลองเปิดใจขับรถไฟฟ้าครั้งแรก ต้องจัด BYD Dolphin รถไฟฟ้ารุ่นยอดนิยมของ BYD โดดเด่นด้วยดีไซน์น่ารัก ทันสมัย เหมาะกับใช้งานในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะใช้งานในเมือง ลองเทียบราคากับสมรรถนะแล้ว ถือว่าคุ้มค่ามากเมื่อเทียบกับรถไฟฟ้ารุ่นอื่น ๆ เพราะเริ่มต้นเพียง 699,999 บาท เท่านั้น 

BYD Dolphin มีให้เลือก 2 รุ่น ใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหน้า รุ่น Standard Range ให้กำลัง 70 กิโลวัตต์ (95 แรงม้า) แรงบิด 180 นิวตันเมตร เร่ง 0-100 กม./ชม. ได้ใน 12.5 วินาที ใช้แบตเตอรี่ 50.25 kWh วิ่งไกลสูงสุด 435 กม./ชาร์จ (NEDC) ส่วนรุ่น Extended Range เพิ่มกำลังเป็น 150 กิโลวัตต์ (204 แรงม้า) แรงบิด 310 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 7 วินาที พร้อมแบตเตอรี่ 60.48 kWh วิ่งไกลถึง 490 กม./ชาร์จ (NEDC) 

ราคาจำหน่าย

• รุ่น Standard Range ราคา 499,999 บาท (จากราคาปกติ 569,900 บาท)
• รุ่น Extended Range ราคา 599,999 บาท (จากราคาปกติ 709,900 บาท)

2. Ora Good Cat

Ora Good Cat น้องแมวไฟฟ้า 100% โดดเด่นด้วยไฟหน้าแบบ LED รูปทรง Cat Eye อันเป็นเอกลักษณ์ พร้อม Daytime Running Light และไฟส่องสว่างหลังดับเครื่องยนต์ ไฮไลต์ของคันนี้คือ มีระบบช่วยเหลือการขับขี่มากมาย รวมทั้งระบบ Cockpit Cleaning System ช่วยกรอง PM 2.5 และระบายอากาศอัตโนมัติ ช่วยลดปริมาณฝุ่น PM 2.5 คืนอากาศบริสุทธิ์ให้ห้องโดยสาร

ราคาจำหน่าย

• รุ่น PRO ราคา 599,000 บาท (จากราคาปกติ 799,000 บาท)
• รุ่น ULTRA ราคา 699,000 บาท (จากราคาปกติ 899,000 บาท)
• รุ่น GT ราคา 829,000 บาท (จากราคาปกติ 1,099,000 บาท)

3. MG 4 Electric

สำหรับคนที่มีงบซื้อรถยนต์คันแรกสูงขึ้นสักหน่อย แนะนำ MG 4 Electric รถไฟฟ้าอีกหนึ่งคันที่สเปคและราคาคุ้มยิ่งกว่าคุ้ม! ดีไซน์โดยรวมเน้นความสปอร์ต และโฉบเฉี่ยว กระจังหน้าแบบปิดทึบตามสไตล์รถไฟฟ้า ส่วนขุมพลังของตัวรถ รุ่นนี้ใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหลัง มอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 125 kW กำลังสูงสุด 170 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร เมื่อชาร์จแบตเตอรี่เต็มจะสามารถวิ่งได้สูงสุดถึง 540 กม. (มาตรฐาน NEDC) ขับขี่คล่องตัวทุกเส้นทาง

ราคาจำหน่าย

• รุ่น Standard Range D ราคา 709,900 บาท
• รุ่น Standard Range X ราคา 809,900 บาท
• รุ่น Long Range V ราคา 889,900 บาท

4. NETA X

NETA X รถยนต์ไฟฟ้าสไตล์ SUV ที่ออกแบบมาเพื่อครอบครัวยุคใหม่ ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง ใช้วัสดุบุนุ่มมากกว่า 80% ของพื้นที่ ช่วยเพิ่มความรู้สึกสบายระหว่างการเดินทาง พ่วงหลังคาซันรูฟพาโนรามิกที่เปิดรับแสงธรรมชาติได้เต็มที่ นอกจากนี้ยังเสริมความมั่นใจด้วยระบบช่วยขับขี่ ADAS ระดับ 2.0 พร้อมระบบความปลอดภัยรอบคันในราคาที่เข้าถึงได้ง่าย เหมาะมากกับครอบครัวที่ต้องการเปลี่ยนมาใช้รถ EV คันแรก

NETA X ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้พละกำลังสูงสุด 163 แรงม้า แรงบิด 210 นิวตันเมตร โดยมีให้เลือก 2 รุ่นย่อย ได้แก่รุ่น Comfort ที่ให้ระยะทางวิ่งสูงสุด 401 กิโลเมตร และรุ่น Smart ที่วิ่งไกลถึง 480 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง (มาตรฐาน NEDC) ทั้งสองรุ่นรองรับการใช้งานได้อย่างคล่องตัวทั้งในเมืองและนอกเมือง โดยที่ไม่ต้องกังวลเรื่องระยะทาง 

ราคาจำหน่าย

• รุ่น Comfort ราคา 739,000 บาท
• รุ่น Smart ราคา 799,000 บาท

รถอเนกประสงค์คันแรกที่แนะนำ

ใครที่มีงบเพิ่มขึ้นมาหน่อยและอยากได้รถคันแรกฟังก์ชันจัดเต็ม ตอบโจทย์การใช้งานที่หลากหลาย และรองรับจำนวนสมาชิกได้ค่อนข้างเยอะ ต้องรถอเนกประสงค์ 4 รุ่นนี้เลย

1. Mazda CX-3

Mazda CX-3 รถครอสโอเวอร์เอสยูวีตระกูล CX-Series ที่ได้ปรับโฉม Minorchange อีกรอบ และเปิดตัวรถรุ่นใหม่อย่างรุ่น Sport Luxe ที่มาพร้อมดีไซน์สปอร์ตพรีเมียม มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ตกแต่งซุ้มล้อ กันชน และชายประตู ด้วยวัสดุสีดำเงาเพิ่มความหรูหรา แตกต่างจากรุ่นก่อน Minorchange ที่เป็นพลาสติกสีดำด้าน

Mazda CX-3 ทุกรุ่นย่อยคงเหลือไว้เฉพาะเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร Skyactiv-G เท่านั้น ให้กำลังสูงสุด 156 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 204 นิวตันเมตร ที่ 2,800 รอบ/นาที พ่วงกับเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ พร้อม Manual Mode ขับเคลื่อนล้อหน้า บอกเลยว่า ขุมพลังของรุ่นนี้ถือว่าแรงเป็นเบอร์ต้น ๆ ของรถกลุ่ม B-SUV ในปัจจุบันเลย

ราคาจำหน่าย

• รุ่น 2.0 BASE ราคา 777,000 บาท
• รุ่น 2.0 BASE PLUS ราคา 830,000 บาท
• รุ่น 2.0 COMFORT ราคา 900,000 บาท
• รุ่น 2.0 Sport Luxe ราคา 970,000 บาท
  
  

2. Mitsubishi Xpander

Mitsubishi Xpander รถครอบครัว 7 ที่นั่ง ดีไซน์สวย ล้ำสมัย ประหยัดน้ำมัน โดดเด่นเรื่องความแข็งแรงทนทานตามสไตล์ Mitsubishi โครงสร้างรถสูง พร้อมติดตั้งกันชนท้ายและแผ่นกันกระแทกแบบใหม่ ป้องกันรถยุบตัวเมื่อเกิดอุบัติเหตุได้ดี

สำหรับสมรรถนะในการขับขี่ รุ่นนี้ใช้เครื่องยนต์แบบ 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร MIVEC 16 วาล์ว ให้กำลังสูงสุด 105 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 141 นิวตันเมตร พร้อมติดตั้งระบบส่งกำลังเป็นแบบอัตโนมัติ  Eco-Dynamic CVT เหมาะกับเป็นรถครอบครัว และตอบโจทย์คนขับสายลุยสุด ๆ

ราคาจำหน่าย

• รุ่น GLS-LTD ราคา 799,000 บาท
• รุ่น GT ราคา 912,000 บาท

3. Toyota Veloz

สำหรับบ้านไหนที่อยากมีรถคันแรก 2025 สำหรับครอบครัว ขอแนะนำ Toyota Veloz รถครอบครัวอเนกประสงค์แบบ 7 ที่นั่ง ที่ออกแบบภายใต้แนวคิด Premium Cross Over เน้นความทันสมัยและการใช้งานที่ตอบโจทย์ครอบครัวรุ่นใหม่ มาพร้อมดีไซน์โมเดิร์นลงตัว ผสานกับระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense และฟังก์ชันอำนวยความสะดวกครบครัน ภายในห้องโดยสารกว้างขวาง พร้อมเบาะ 3 แถวที่ปรับเปลี่ยนการใช้งานได้อย่างยืดหยุ่น

ขุมพลังของ Toyota Veloz ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร 4 สูบแถวเรียง ให้กำลังสูงสุด 106 แรงม้า แรงบิด 138 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ที่ช่วยให้การขับขี่นุ่มนวลและประหยัดน้ำมัน เหมาะสำหรับการใช้งานในเมืองหรือออกทริปต่างจังหวัด ถือว่าเป็นหนึ่งในรถ MPV ที่คุ้มค่าที่สุดในตลาด ทั้งด้านรูปลักษณ์ ฟังก์ชัน และความปลอดภัยครบจบในคันเดียว

ราคาจำหน่าย

• รุ่น Premium ราคา 875,000 บาท
• รุ่น Smart ราคา 795,000 บาท

4. Toyota Corolla Cross

รถน่าใช้ 2025 คันสุดท้ายขอแนะนำ Toyota Corolla Cross รถครอสโอเวอร์ 5 ที่นั่งที่ผสมผสานความสปอร์ตและความอเนกประสงค์ได้อย่างลงตัว ตัวรถมีขนาดเล็กกว่ารถ SUV ทั่วไป ทำให้เหมาะกับการใช้งานทั้งในเมืองและออกทริปต่างจังหวัด ภายในห้องโดยสารกว้างขวางนั่งสบาย พร้อมพื้นที่เก็บสัมภาระที่สามารถปรับเปลี่ยนให้เหมาะกับการใช้งานในแต่ละสถานการณ์ได้อย่างยืดหยุ่น เสริมด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ครบครัน

Toyota Corolla Cross แบ่งเป็น 4 รุ่นย่อย ได้แก่ 1.8 Sport Plus สำหรับผู้ที่มองหาตัวเลือกเริ่มต้น HEV Premium ที่เน้นความครบเครื่อง HEV Premium Luxury ที่เพิ่มฟีเจอร์ด้านความปลอดภัย และรุ่นท็อป HEV GR Sport ที่โดดเด่นด้วยชุดแต่ง GR และความสปอร์ตเฉพาะตัว

ราคาจำหน่าย

• รุ่น 1.8 Sport Plus ราคา 999,000 บาท
• รุ่น HEV Premium ราคา 1,094,000 บาท
• รุ่น HEV Premium Luxury ราคา 1,204,000 บาท
• รุ่น HEV GR Sport ราคา 1,254,000 บาท

มือใหม่หัดขับซื้อรถคันแรก มีประกันรถยนต์ไว้อุ่นใจกว่า

ทั้งหมดนี้คือ รถน่าใช้ 2025 12 รุ่นที่เหมาะกับการเป็นรถคันแรก มีทั้งรถยนต์รุ่นใหม่ล่าสุดจากแบรนด์ และรุ่นเดินที่อัปเกรดโฉมใหม่ เชื่อว่า ต้องมีรุ่นที่ถูกตาต้องใจเหล่ากู๊ดดี้อย่างแน่นอน ซื้อรถยนต์คันแรกแล้ว อย่าลืมทำประกันรถยนต์ดี ๆ เอาไว้คู่รถด้วยนะ แวะมาเช็คเบี้ยประกัน และเปรียบเทียบแผนประกันก่อนเลือกซื้อได้ที่เว็บไซต์ heygoody เรามีทั้งประกันรถน้ำมัน และประกันรถไฟฟ้า สมัครง่าย ผ่อนสบาย ต้องประกันรถยนต์จาก heygoody

ที่มา : one2car และ NEXEN TIRE