เมื่อพ่อและแม่เริ่มเข้าสู่กลุ่มผู้สูงวัย เหล่าลูก ๆ ต้องเตรียมรับมือกับความไม่แน่นอนในเรื่องสุขภาพร่างกาย ที่อาจเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นเมื่อไหร่ก็ได้ การทำประกันชีวิตให้พ่อแม่ จึงเป็นตัวเลือกได้รับความนิยม แต่ก่อนตัดสินใจซื้อประกันชีวิตให้กับพ่อแม่ heygoody รวมเรื่องที่ต้องรู้มาฝาก เหล่ากู๊ดดี้จะได้เลือกซื้อประกันชีวิตสำหรับพ่อแม่ให้ตอบโจทย์ที่สุด!
ประกันชีวิตผู้สูงอายุ 50 ปีขึ้นไป แบ่งออกเป็น 2 แบบหลัก ๆ คือ
เป็นประกันชีวิตที่จ่ายเงินให้ผู้รับประโยชน์ เมื่อผู้เอาประกันเสียชีวิตกรณีเดียวเท่านั้น ซึ่งส่วนมากผู้รับประโยชน์ก็จะเป็นคนในครอบครัว เช่น ลูก คู่สมรส หรือบิดา มารดา เป็นต้น ซึ่งไม่มีการสะสมทรัพย์ หรือได้เงินคืน มักทำไว้เพื่อเน้นความคุ้มครองชีวิต สร้างความอุ่นใจ และสร้างหลักประกันให้กับครอบครัว
เป็นประกันชีวิตที่จ่ายเงินตอบแทนให้กับผู้เอาประกัน ทั้งแบบจ่ายคืนเป็นก้อนเดียวเมื่อครบกำหนดสัญญา หรือคืนระหว่างทางตลอดสัญญา แต่ถ้าผู้เอาประกันเสียชีวิต ผู้รับประโยชน์ก็จะได้รับเงินเอาประกันตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์อีกด้วย เหมาะกับคนที่อยากให้พ่อแม่มีเงินก้อนใหญ่ไว้ใช้ในอนาคต ควบคู่ไปกับการมีความคุ้มครองชีวิต
อยากทำประกันชีวิตให้พ่อแม่แบบคุ้มค่าและตอบโจทย์ที่สุด heygoody มี 4 ข้อสำคัญที่ควรพิจารณาก่อนตัดสินใจทำประกันชีวิต ตามนี้เลย
อันดับแรกต้องเลือกว่า จะทำประกันชีวิตให้พ่อแม่แบบไหน? ระหว่างประกันชีวิตที่เน้นความคุ้มครอง กับ ประกันชีวิตที่เน้นสะสมทรัพย์ โดยเปรียบเทียบผลประโยชน์ความคุ้มครองของแต่ละแบบ เพื่อเลือกประกันที่ตรงใจเหล่ากู๊ดดี้และพ่อแม่ที่สุด
ถ้าต้องการเก็บเงินระยะยาวเพื่อเป็นเงินเกษียณอายุ ไปพร้อม ๆ กับการมีความคุ้มครอง อาจเลือกประกันแบบสะสมทรัพย์ แต่ถ้าต้องการทำประกันชีวิตเพื่อเป็นมรดกส่งต่อให้แก่ลูกหลาน ประกันชีวิตที่เน้นความคุ้มครองเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์
อย่าลืมศึกษาเงื่อนไขการชดเชยให้ถี่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็นข้อยกเว้นการคุ้มครอง เช่น ไม่คุ้มครองกรณีผู้เอาประกันฆ่าตัวตายใน 1 ปีแรก ไม่คุ้มครองกรณีผู้เอาประกันถูกผู้รับประโยชน์ฆ่าโดยเจตนา ไม่คุ้มครองกรณีผู้เอาประกันเสียชีวิตจากสงคราม การจลาจล การปฏิวัติ เป็นต้น เพื่อป้องการไม่ให้เกิดปัญหาการเคลมประกันภายหลัง
เพราะแต่ละคนมีความเสี่ยงที่แตกต่างกัน ดังนั้นก่อนทำประกันชีวิตพ่อแม่ แนะนำให้ประเมินความเสี่ยงตามนี้
รู้หรือไม่? เบี้ยประกันมักจะแปรผันตามอายุของผู้เอาประกัน นั่นแปลว่า การทำประกันชีวิตผู้สูงอายุ 50 ปีขึ้นไป ค่าเบี้ยประกันจะสูงกว่าการทำประกันชีวิตในช่วงอายุอื่น ๆ ดังนั้นก่อนทำต้องเช็คให้ชัวร์ว่า เราจะจ่ายเบี้ยประกันตามระยะเวลาที่กำหนดไหวมั้ย ถ้าประเมินดูแล้ว จ่ายไม่ไหว อาจจะต้องปรับลดวงเงินความคุ้มครองลง
ได้ แต่ต้องเป็นต้องเป็นประกันสุขภาพ ประกันโรคร้ายแรง หรือประกันอุบัติเหตุเท่านั้น สำหรับประกันชีวิตที่ทำให้พ่อแม่นั้น ไม่สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ ดังนั้น ถ้าอยากนำค่าเบี้ยประกันไปลดหย่อนภาษี ต้องดูดี ๆ ก่อนซื้อด้วยนะ
ประกันชีวิตไม่ได้คุ้มครองครอบคลุมไปถึงค่ารักษาพยาบาล แต่จะจ่ายเงินก็ต่อเมื่อพ่อแม่ ซึ่งเป็นผู้เอาประกันได้เสียชีวิตลง หรืออยู่จนครบสัญญาเท่านั้น ดังนั้น ลูก ๆ ที่อยากได้ความคุ้มครองในรูปแบบค่ารักษาพยาบาลให้พ่อแม่ หรือต้องการให้พ่อแม่เข้าถึงการรักษาที่ดีที่สุด แบบไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย สามารถทำประกันสุขภาพผู้สูงอายุ 50 ปีขึ้นไปเพิ่มอีกได้ นอกจากจะได้รับความคุ้มครองด้านสุขภาพแล้ว ประกันสุขภาพพ่อแม่ลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย
จะเห็นได้ว่า การทําประกันชีวิตให้พ่อแม่ กรณีเสียชีวิต ครอบครัวข้างหลังจะได้รับเงินก้อนไว้ใช้จ่ายได้อย่างไม่ลำบาก ถือเป็นหลักประกันสำคัญที่เหล่ากู๊ดดี้ไม่ควรมองข้าม แต่สำหรับคนที่อยากได้ความคุ้มครองด้านสุขภาพให้พ่อแม่ heygoody ขอแนะนำให้ทำประกันสุขภาพเพิ่มเติม จะได้คุ้มครองเต็มที่ตามต้องการ แถมยังสามารถเอาไปลดหย่อนภาษีประจำปีได้อีกด้วย
ที่มา : ธนาคารกรุงไทย และธนาคารกรุงศรีอยุธยา