
จะไปทำงาน ไปเที่ยว หรือแวะไปซื้อของ มีรถยนต์คู่ใจนี่แหละที่ไปด้วยกันทุกที่ และเมื่อเวลาผ่านไป อาจมีรอยขีดเล็กข่วนน้อยรอบ ๆ คันบ้างตามการใช้งาน ทำให้หลายคนอยากเคลมสีรอบคันเพื่อกำจัดรอยกวนใจต่าง ๆ ให้หมดไป วันนี้ heygoody พาทุกคนไปดูกันว่าการเคลมรอยขีดข่วนรอบคันทำต้องทำยังไง มีค่าใช้จ่ายอะไรเพิ่มเติมไหม มีเงื่อนไขอะไรรึเปล่า จะได้ส่งเคลมได้แบบสบายใจไม่ต้องห่วง
ในปัจจุบันการเคลมประกันรถยนต์พบว่ามีการเคลม 2 แบบหลัก ๆ ด้วยกัน ได้แก่ การเคลมสด และการเคลมแห้ง การเคลมสีรอบคันส่วนมากเป็นการเคลมแห้ง ซึ่งมักเกิดขึ้นเมื่อมีอุบัติเหตุหลาย ๆ ครั้ง แต่มีความเสียหายเพียงเล็กน้อย เป็นแค่รอยขีดข่วนต่าง ๆ แล้วจึงเคลมทำสีรอบคันทีเดียว

โดยปกติแล้วการทำประกันรถยนต์ มีค่า Excess หรือค่าเสียหายส่วนแรกเริ่มต้นที่ 1,000 บาท เป็นเงินที่ผู้ถือกรมธรรม์ต้องจ่ายทุกครั้งเมื่อมีการเคลมประกันแบบไม่มีคู่กรณี อย่างการที่ขับรถไปชนรั้ว ขูดต้นไม้ ลากไปกับทางเดิน ทำให้รถเป็นรอยต้องจ่ายค่าเสียหายส่วนแรกนี้ทุกครั้ง
คำตอบคือ “ได้” เพราะไม่มีข้อกำหนดใดที่ห้ามทำ แต่ต้องเข้าใจเรื่องค่าเสียหายส่วนแรกด้วย ถ้าเหล่ากู๊ดดี้ไม่เคลมทีละแผล แต่เก็บไว้เคลมทีเดียว นั่นหมายความว่าค่า Excess ในการเคลมรอบคันจะมากขึ้นตามจำนวนรอยที่เคลม เช่น มีรอยข่วนรอยรถยนต์ 4 จุด โดย 2 จุดแรกเกิดจากเหตุการณ์เดียวกัน ส่วนที่เหลือเกิดจากคนละเหตุการณ์ ต้องจ่ายค่าเสียหายส่วนแรกสำหรับการเคลม 3 ครั้ง ถ้ากำหนดไว้ว่าครั้งละ 1,000 บาท เท่ากันว่าต้องจ่ายทั้งหมด 3,000 บาทเมื่อนำรถยนต์ไปเคลมสีรอบคัน
การเคลมสีรอบคันทำได้ทั้งแบบเคลมสดและการเคลมแห้ง มีขั้นตอนการเคลมที่แตกต่างกันเล็กน้อยดังต่อไปนี้
เป็นการส่งเคลมทันทีเมื่อเกิดอุบัติเหตุ โดยผู้ขับขี่ต้องโทรแจ้งกับบริษัทประกันภัยรถยนต์ของตัวเอง เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบ ณ ที่เกิดเหตุ โดยการเก็บข้อมูล ประเมินความเสียหายได้ในทันที และนำรถยนต์ส่งเข้าอู่เพื่อทำสีซ่อมแซมหลังจากเกิดอุบัติเหตุ
สำหรับผู้ที่บอกว่าแผลนิดเดียวเอาเข้าไปทำสีทุกครั้งคงเสียเวลา การเคลมแห้งเป็นอีกหนึ่งวิธีที่น่าสนใจ เพราะรวมหลาย ๆ รอยรอบคันแล้วนำส่งเคลมเพื่อทำสีทีเดียว โดยสิ่งที่ต้องเตรียมคือ หลักฐานที่ใช้ยืนยันว่าแต่ละรอยขีดข่วนมาจากไหน สาเหตุคืออะไร เพื่อชี้แจงกับทางบริษัทประกัน
ไม่ว่าเป็นการเคลมแบบสดหรือเคลมแห้ง การจ่ายค่า Excess เคลมสีมีข้อยกเว้นในบางกรณีในหัวข้อต่อไป

ก่อนไปดูกรณีที่ต้องเสียค่า Excess แนะนำให้ทำความเข้าใจกันก่อนว่าค่า Excess ไม่ใช่ค่า Deductible เพราะเป็นค่าเสียหายส่วนแรกคนละประเภทกัน โดยค่า Deductible เป็นค่าเสียหายส่วนแรกที่กำหนดเอาไว้ในกรมธรรม์ ช่วยลดค่าเบี้ยประกันได้ แต่ถ้าเป็นค่า Excess จะเป็นค่าเสียหายส่วนแรกที่ต้องจ่ายเมื่อเป็นการเคลมแบบไม่มีคู่กรณี หรือพิสูจน์ไม่ได้ว่าเกิดความเสียหายจากอะไร
จึงสรุปได้ว่า ไม่ว่าจะเป็นประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 หรือแบบไหน ก็ต้องจ่ายค่า Excess ทุกครั้งที่มีการเคลมโดยไม่มีคู่กรณี ส่วนมากได้แก่เหตุการณ์ต่อไปนี้

ข้อแรกที่มักพบเจอบ่อยคือ การเคลมรอยบุบ รอยแตกต่าง ๆ โดยที่ผู้ขับขี่ไม่มีภาพถ่ายหลักฐานว่าเกิดขึ้นจากอะไร เหตุการณ์อาจเกิดจากการถอยรถชนเสาไฟฟ้า แต่ไม่มีพยานหลักฐาน เมื่อนำรถยนต์ไปเคลมทำสี แก้รอยแตกต่าง ๆ ต้องเสียค่า Excess โดยไม่มีข้อยกเว้น

ถ้าเกิดเหตุการณ์ชนแล้วหนี โดยไม่สามารถตามตัวคู่กรณีได้ ถือว่าต้องเสียค่า Excess เมื่อส่งซ่อมด้วยจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมปัจจุบันนี้ ผู้ขับขี่มักติดกล้องไว้ที่หน้ารถยนต์เสมอ เพราะนอกจากช่วยลดค่าเบี้ยประกันได้แล้วยังช่วยระบุเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ด้วย

รอยที่เกิดจากสัตว์ ก้อนหินกระเด็นใส่หรือมีกิ่งไม้ข่วน ถือว่าเป็นกรณีที่ต้องเสียค่า Excess เมื่อเคลมเช่นกัน

สุดท้ายคือ รอยขีดข่วนที่เกิดขึ้นจากการกลั่นแกล้ง ไม่ถือว่าเป็นอุบัติเหตุ ไม่ถูกรวมอยู่ในการเคลมภายใต้เงื่อนไขของประกันรถยนต์
สามารถทำได้อย่างแน่นอน แต่สิทธิในการเคลมความเสียหายต่อตัวรถยนต์โดยไม่มีคู่กรณี เช่น การขับรถเฉี่ยวเสา ขูดกำแพง หรือมีรอยขีดข่วนจากกิ่งไม้ จะสงวนไว้สำหรับผู้ที่ทำประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 เท่านั้น โดยเงื่อนไขสำคัญคือผู้เอาประกันจะต้องชำระค่าเสียหายส่วนแรก หรือที่เรียกว่า "ค่า Excess" ซึ่งโดยทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 1,000 บาทต่อหนึ่งเหตุการณ์ ในการแจ้งเคลม บริษัทประกันภัยจะประเมินว่าร่องรอยความเสียหายทั้งหมดเกิดจากเหตุการณ์เดียวกันหรือหลายเหตุการณ์ หากเป็นรอยที่เกิดขึ้นต่างกรรมต่างวาระกัน อาจจำเป็นต้องเสียค่า Excess เพิ่มเติมตามจำนวนเหตุการณ์นั้น ๆ
สำหรับผู้มีประกันชั้น 1 ที่ต้องการรวบรวมร่องรอยความเสียหายเพื่อเคลมสีรอบคันในครั้งเดียว สามารถใช้วิธีการแจ้ง "เคลมแห้ง" (การเคลมที่ไม่มีคู่กรณี) ซึ่งมีขั้นตอนง่าย ๆ ดังนี้
ความแตกต่างที่ชัดเจนที่สุดในการเคลมสีรอบคันระหว่างประกันชั้น 1 และประกันชั้นอื่น ๆ คือขอบเขตความคุ้มครองที่เหนือกว่าอย่างสิ้นเชิง โดยประกันชั้น 1 เป็นประกันประเภทเดียวที่ให้ความคุ้มครองความเสียหายต่อตัวรถยนต์ของผู้เอาประกันในทุกกรณี ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุแบบมีคู่กรณี หรือแบบไม่มีคู่กรณี เช่น การขับขูด เฉี่ยวชนสิ่งของต่าง ๆ หรือแม้แต่ความเสียหายที่ไม่สามารถระบุผู้กระทำได้ ซึ่งรวมถึงการเคลมสีรอบคันจากรอยขีดข่วนต่าง ๆ ด้วย
ในขณะที่ประกันชั้น 2+ แม้จะคุ้มครองความเสียหายต่อรถของผู้เอาประกัน แต่จะจำกัดเฉพาะกรณีอุบัติเหตุที่เกิดจากการชนกับยานพาหนะทางบกเท่านั้น ไม่ครอบคลุมความเสียหายที่เกิดจากการขับชนเพียงลำพัง ส่วนประกันชั้น 3 นั้น จะไม่ให้ความคุ้มครองความเสียหายต่อรถยนต์ของผู้เอาประกันเลยในทุกกรณี ดังนั้น การเคลมสีรอบคันจึงเป็นสิทธิพิเศษสำหรับผู้ถือกรมธรรม์ประกันชั้น 1 เท่านั้น
แนะนำให้ทำประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 เพราะสามารถเคลมค่าเสียหายได้แม้ไม่มีคู่กรณี แต่ต้องสามารถพิสูจน์ได้ว่าความเสียหายเกิดจากอะไร ไม่งั้นต้องเสียค่า Excess เหมือนเดิม ดังนั้นการเลือกซื้อประกันรถยนต์ชั้น 1 ถือว่าครอบคลุมค่าเสียหายได้ค่อนข้างครบถ้วน
สรุปแล้ว ไม่ว่าจะเคลมสีรอบคันทีเดียว หรือเคลมทีละจุดต้องเสียค่า Excess ทั้งนั้น ถ้าไม่มีหลักฐานยืนยันว่าเกิดจากอุบัติเหตุและตกอยู่ในข้อยกเว้น เมื่อเกิดรอยขีดข่วน แนะนำให้ผู้เอาประกันถ่ายภาพและจดบันทึกเรื่องราวที่เกิดขึ้นเอาไว้ เพื่อใช้ในการเคลม ใครเพิ่งออกรถใหม่แล้วอยากได้รับความคุ้มครองแบบเต็มที่ แนะนำให้ซื้อประกันรถยนต์ชั้น 1 กับ heygoody ได้นะ สามารถเปรียบเทียบราคาประกันรถยนต์ออนไลน์ได้แบบเรียลไทม์ ผ่อนชำระค่าเบี้ยประกันได้ แถมยังมีส่วนลดอีกเพียบ ห้ามพลาดเด็ดขาด!
























