heygoody เริ่มต้นด้วยการขายแค่ประกันรถยนต์ และพัฒนามาเรื่อยๆ จนมีผลิตภัณฑ์และบริการที่หลากหลาย ตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้า แต่ใครจะรู้ว่า เบื้องหลังผลิตภัณฑ์แต่ละตัวเกิดขึ้นมาได้ยังไง? บทความนี้ จะพามาเจาะลึกขั้นตอนการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการของ heygoody แบบไม่ธรรมดารับรองว่าอ่านแล้วว๊าวแน่นอน!
ตอนนี้เรามีประกันทั้งหมด 5 ผลิตภัณฑ์หลัก คือ ประกันรถยนต์ ประกันเดินทาง ประกันอัคคีภัยบ้านและคอนโด ประกันโรคร้ายแรง และประกันมะเร็ง แต่พระเอกของเราคือ ประกันภัยรถยนต์ ที่เข้าถึงง่าย ตอบโจทย์คนยุคใหม่ที่รักความสะดวก รวดเร็ว ซื้อประกันง่ายๆ ด้วยตัวเองผ่านเว็บไซต์ได้ 24 ชั่วโมงไม่ต้องรอโทรหาใครหรือให้ใครโทรหา
ประกันรถยนต์เป็นแผนเป็นประกันภาคสมัครใจ นั่นคือการประกันภัยเพิ่มเติมจากประกันภาคบังคับ (พ.ร.บ.) ที่ให้ความคุ้มครองสูงกว่าและปรับแต่งได้ตามความต้องการของผู้เอาประกัน โดยครอบคลุมความเสียหายต่อรถยนต์ที่เอาประกัน ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายผิดหรือถูก รวมถึงความเสียหายต่อบุคคลภายนอกและทรัพย์สินเมื่อผู้เอาประกันเป็นฝ่ายผิด นอกจากนี้ยังให้ความคุ้มครองในกรณีรถหาย โจรกรรม ไฟไหม้ และภัยธรรมชาติ ทำให้ผู้ขับขี่มีความอุ่นใจมากขึ้นบนท้องถนน ซึ่งมีให้เลือกทั้งประกันรถไฟฟ้า และรถยนต์ปกติ
ส่วนประกันการเดินทาง ที่เราทำมาเพิ่อตอบโจทย์ลูกค้ายุคใหม่ ที่ชอบท่องเที่ยว ผจญภัย หรือมีความต้องการซื้อไปเพื่อยื่นขอวีซ่า ซึ่งระบบเราพัฒนาต่อยอดด้วยระบบ API เชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มของประกัน ทำให้ลูกค้าได้รับกรมธรรม์ทันที
สุดท้ายคือ ประกันอัคคีภัยบ้านและคอนโด เป็นผลิตภัณฑ์ที่เรานำมาตอบสนองความต้องการของลูกค้าเพิ่มเติมนอกเหนือจากประกันรถยนต์และการเดินทาง เพราะเป้าหมายของ heygoody คือการเป็นโซลูชั่นประกันที่ครบครันตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้าในทุกมิติ ซึ่งในอนาคตอันใกล้นี้ ทุกคนจะได้พบกับแผนประกันเพิ่มเติมซึ่งรวมไปถึงแผนประกันที่สามารถนำมาใช้ลดหย่อนภาษีได้
ส่วนความพิเศษของแพลตฟอร์ม คือ เรามีราคาพิเศษที่มีเฉพาะที่ heygoody เพื่อให้ลูกค้าได้เห็นราคาและประกันที่ตรงใจที่สุด เปรียบเทียบได้เองง่ายๆ และระบบของ heygoody ยังสามารถกรอกโปรโมชั่นโค้ด เพื่อรับส่วนลดเมื่อมีแคมเปญต่างๆ ได้อีกด้วย
1. Product Research: เราสมมุติตัวเองเป็นนักสำรวจออกผจญภัย และออกเดินทางไปค้นหาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่ตรงใจลูกค้า ตอบโจทย์ทุกความต้องการ
2. Product Comparison: เจอผลิตภัณฑ์ที่ใช่ ยังไม่พอ! เราต้องเปรียบเทียบผลิตภัณฑ์แต่ละตัวกว่า 15 พันธมิตร เพื่อคัดเลือกผลิตภัณฑ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า heygoody ของเรา
3. Product Selection: เมื่อผ่านด่านการเปรียบเทียบ ผลิตภัณฑ์ที่ใช่ก็เริ่มก่อตัว!
4. Coordinate with insurer: ผลิตภัณฑ์เจ๋งๆ ต้องมาจากพันธมิตรสุดยอด เราจึงต้องประสานงานกับบริษัทประกัน เพื่อเตรียมความพร้อมให้ผลิตภัณฑ์พร้อมออกสู่ตลาดในเรื่องของรายละเอียด เงื่อนไขและเตรียมพร้อมสำหรับการขายในช่องทางออนไลน์
5. Content Creation: ผลิตภัณฑ์ดี ต้องมีเนื้อหาที่โดน! heygoody เลยเน้นสร้างเนื้อหาที่อ่านง่าย เข้าใจง่าย ไม่ได้ใช้ภาษาประกันที่ยุ่งยาก สามารถเปรียบเทียบประกันแล้วเห็นความต่าง ทำให้ลูกค้าสามารถเลือกประกันที่เหมาะกับตัวเองได้แบบไม่ง้อเซลล์
6. UX/UI design: ผลิตภัณฑ์ดี หน้าตาต้องดีด้วย! นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมหน้าเว็บไซต์ heygoody ถึงดูดี และใช้งานง่าย สามารถซื้อโดยใช้เวลาทำรายการเพียงไม่กี่นาที
7. SEO Optimization: ผลิตภัณฑ์ดี คนต้องรู้! ด้วยการทำ SEO ให้ผลิตภัณฑ์ของเราติดอันดับต้นๆ บนหน้าค้นหา ให้ลูกค้าที่มองหาประกันสามารถค้นหาแล้วเจอเรา
8. User Acceptance Testing (UAT): ผลิตภัณฑ์ดี ต้องมั่นใจ! ขั้นตอนนี้จะเป็นการรวบรวมกลุ่มคน (หลักๆ คือทีมงาน heygoody) มาทดสอบใช้งานผลิตภัณฑ์ เพื่อหาจุดบกพร่อง และปรับปรุงให้ดีที่สุด รวมถึงมีการสัมภาษณ์และทดสอบจริงกับกลุ่มลูกค้า แล้วเอาฟีดแบ็กมาปรับอีกครั้งก่อนปล่อยจริง
9. Product Launch: เมื่อผ่านทุกด่าน ผลิตภัณฑ์ก็พร้อมออกสู่ตลาด พร้อมเปิดตัวผลิตภัณฑ์อย่างเป็นทางการให้ทุกคนได้รู้จัก ใช้สื่อโฆษณาที่ดึงดูดลูกค้าให้มารู้จักเรา
10. Post-Launch Evaluation: ผลิตภัณฑ์ดี ต้องมีคนใช้! เวลาปล่อยของออกไป เราก็ยังต้องติดตามผลลัพธ์ วิเคราะห์ข้อมูลผลิตภัณฑ์ต่อ เพื่อนำมาพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นต่อไปอีก
heygoody สนับสนุนให้ทุกคน work smart , not hard เลยจะเห็นว่าหลายคนเอาเครื่องมือและเทคโนโลยีมาใช้ให้ทำงานง่ายและไวขึ้น รู้จักประยุกต์ใช้เทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยเสริมพลังให้กับงาน อย่างเช่น
นี่เป็นแค่ส่วนหนึ่งของเครื่องมือหรือเทคโนโลยีที่ทีม heygoody เอามาใช้ในการทำงานเท่านั้น เรายังมีการ gennerative AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานอีกด้วย เพราะเราไม่ปิดกั้น ใครอยากใช้อะไรก็ใช้ได้เพื่อให้ได้ผลลัพท์ที่ดีที่สุด
เวลาคือหัวใจสำคัญมากจริงๆ เมื่อต้องการทำงานแข่งกับเวลา รวมถึงการไล่ตามไทม์ไลน์ที่วางไว้นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย บางครั้งอุปสรรคก็มาจากหลายๆ ทางหรือต้องแก้ไขงานซ้ำๆ แต่ทีม heygoody ก็ผ่านมาได้ด้วยความร่วมมือและไหวพริบ เรามีการใช้ Lean Process ทำงานเป็นทีม แบ่งงานกันชัดเจน สื่อสารกันอย่างมีประสิทธิภาพและตรงไปตรงมาและพร้อมปรับแก้ไขตามสถานการณ์
แต่ถ้าถามว่าจะทำยังไงให้ดีขึ้นได้อีก ก็ต้องบอกว่า การเอา Lean Process มาใช้เต็มรูปแบบจะช่วยได้ และตั้งความคาดหวังเวลาทำงานให้ชัดเจน จะช่วยให้กระบวนการพัฒนามีประสิทธิภาพ รวดเร็ว และราบรื่นขึ้นแน่นอน พร้อมกับเรียนรู้จากทุกสิ่งที่เกิดขึ้น เพื่อพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นไปอีก โดยเน้นลูกค้าเป็นศูนย์กลางในการหาโซลูชั่นร่วมกันทั้งทีม
จะเห็นว่า แต่ละผลิตภัณฑ์ของเรามีจุดเริ่มต้นและเป้าหมายที่ชัดเจน เราพยายามแก้ไขปัญหาของลูกค้าด้วยการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ตรงใจ ไม่ว่าจะเป็นการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อเพิ่มความสะดวก หรือการออกแบบประสบการณ์ heygoody มุ่งมั่นที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการให้ดียิ่งขึ้นอยู่เสมอ เพื่อเป็นเพื่อนคู่ใจที่คอยดูแลในทุกช่วงชีวิตแบบเข้าใจคุณ