ที่เที่ยวญี่ปุ่นสวย ๆ มีมากมาย แต่ที่ที่ติดท็อปในใจคนไทยคงต้องยกให้ โตเกียว เมืองท่องเที่ยวชั้นยอดที่มีครบทุกรสชาติ วันนี้ heygoody เลยขอเอาใจนักเที่ยวตัวยง แจกฟรีแผนที่รถไฟญี่ปุ่น พร้อมแนะนำที่เที่ยวสุดฮิตเช็คลิสต์ตามสายรถไฟใต้ดิน ใครชอบเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองและอยากเก็บแบบครบ ๆ เซฟแผนที่รถไฟโตเกียวเก็บไว้ แล้วไปลุยกันเลย!
ดาวน์โหลดแผนที่รถไฟฟ้าญี่ปุ่น : Tokyo Metro
เห็นแผนที่รถไฟญี่ปุ่นแล้วอย่าเพิ่งตกใจ ลองดูที่มุมล่างขวาของแผนที่ จะมีแบ่งสายรถไฟออกเป็น 2 ประเภท คือ รถไฟ Tokyo Metro และ Toei Subway
เส้นทางของรถไฟใต้ดินทั้ง 2 ประเภทอาจจะดูยั้วเยี้ยไปหน่อย แต่เวลาเดินทางจริงๆ นั้นไม่ยากอย่างที่คิด ให้ดูสัญลักษณ์ของสถานี ตัวอักษรภาษาอังกฤษด้านบนเป็นตัวย่อของชื่อสายรถไฟ เช่น G = Ginza Line
หมายเลขด้านล่าง เป็นหมายเลขสถานี ซึ่งตัวอักษรและหมายเลขจะล้อมรอบด้วยวงกลมตามสีของสายรถไฟนั้น ๆ ถ้ารู้ว่าต้องขึ้นสถานีไหนและไปลงที่สถานีไหน ให้จดจำตัวย่อของสายและหมายเลขสถานี เท่านี้ก็เดินทางได้ง่าย ๆ แบบไม่ต้องกลัวหลงแล้ว
ถ้าเริ่มดูแผนที่รถไฟโตเกียวเป็นกันแล้ว ก็ไปดูกันต่อเลยว่า ทั้ง 9 สายของ Tokyo Metro มีอะไรน่าสนใจบ้าง? ขบวนแรกและขบวนสุดท้ายวิ่งกี่โมง? ไปดูพร้อมกัน
Ginza Line บนแผนที่รถไฟฟ้าสัญลักษณ์และเส้นทางจะใช้สีส้ม และตัวอักษร G มีทั้งหมด 19 สถานี เรียกได้ว่า เป็นสายที่คึกคักที่สุดเพราะตลอดเส้นทางเต็มไปด้วยห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร และแหล่งท่องเที่ยวมากมาย เช่น ถนนกินซ่า สถานี Ginza (G09) วัดอาซากุสะ สถานี Asakusa (G19) และย่านอุเอโนะ สถานี UENO (G16) เป็นต้น ในวันธรรมดารถไฟจะวิ่งทุก 2 นาทีในช่วงพีคตอนเช้า ทุก 3 นาทีในช่วงกลางวัน และทุก 2 นาที 15 วินาทีในช่วงพีคตอนเย็น
รถไฟสาย Ginza เที่ยวแรก
รถไฟสาย Ginza เที่ยวสุดท้าย
Marunouchi Line บนแผนที่รถไฟฟ้าสัญลักษณ์และเส้นทางจะใช้สีแดง และตัวอักษร M แทนสายหลัก และ Mb แทนสายย่อย มีทั้งหมด 25 สถานี ตลอดเส้นทางรถไฟสายนี้มีสถานีที่สำคัญและเป็นที่ตั้งของแหล่งท่องเที่ยวน่าสนใจในโตเกียว เช่น ย่านบันเทิงคาบุกิโจ สถานี Nishi-shinjuku (M07) โตเกียวโดม และศาลเจ้าฮากุซัน สถานี Korakuen (M22) เป็นต้น
รถไฟสาย Marunouchi เที่ยวแรก
รถไฟสาย Marunouchi เที่ยวสุดท้าย
Hibiya Line บนแผนที่รถไฟฟ้าสัญลักษณ์และเส้นทางจะใช้สีเทา และตัวอักษร H มีทั้งหมด 22 สถานี เป็นอีกหนึ่งเส้นทางที่เชื่อมต่อรถไฟใต้ดินสายอื่น และในแต่ละสถานีก็มีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจมากมาย เช่น สวนฮิบิยะ สถานี Hibiya (H08) ย่านอากิฮาบาระ สถานี Akihabara (H16) หรือรปปงหงิ สถานี Roppongi (H04) แหล่งรวมความบันเทิงยามราตรี ใครสายตี้ชอบใช้ชีวิตตอนกลางคืนต้องไม่พลาด!
รถไฟสาย Hibiya เที่ยวแรก
รถไฟสาย Hibiya เที่ยวสุดท้าย
Tozai Line บนแผนที่รถไฟฟ้าสัญลักษณ์และเส้นทางจะใช้สีฟ้า และตัวอักษร T มีทั้งหมด 23 สถานี สำหรับที่เที่ยวแนะนำบนเส้นทาง Tozai มีให้เลือกหลายสไตล์ ไม่ว่าจะเป็นแหล่งรวมร้านอร่อยในย่านนากาโนะ สถานี Nakano (T01) จุดชมดอกซากุระบริเวณแม่น้ำ Kanda ที่สถานี Waseda (T04) หรือพิพิธภัณฑ์รถไฟใต้ดินโตเกียวติดสถานี Kasai (T17) เป็นต้น
รถไฟสาย Tozai เที่ยวแรก
รถไฟสาย Tozai เที่ยวสุดท้าย
Chiyoda Line บนแผนที่รถไฟฟ้าสัญลักษณ์และเส้นทางจะใช้สีเขียว และตัวอักษร C มีทั้งหมด 20 สถานี ถ้าใครตามหาที่เที่ยวสาย Chiyoda อยู่ล่ะก็ บอกเลยว่า มีให้เลือกทุกสไตล์ ไม่น้อยหน้าสายอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น สวนโยโยงิสำหรับพักผ่อนหย่อนใจ สถานี Yoyogi-koen (C02) คาเฟ่น่ารัก ๆ แถวย่านยานากะ สถานี Nezu (C14) หรือใครเป็นสายช้อปต้องมาที่ โอโมเตะซันโดฮิลส์ แหล่งชอปปิ้งสินค้าแบรนด์เนมติดสถานี Omote-sando (C04) เป็นต้น
รถไฟสาย Chiyoda เที่ยวแรก
รถไฟสาย Chiyoda เที่ยวสุดท้าย
Yurakucho Line บนแผนที่รถไฟฟ้าสัญลักษณ์และเส้นทางจะใช้สีทอง และตัวอักษร Y มีทั้งหมด 24 สถานี ตลอดสาย Yurakucho มีครบทั้งสวนสาธารณะ ร้านอาหาร ร้านนั่งชิลล์ และแหล่งช้อปปิ้ง ถ้ามาช่วงฤดูใบไม้ผลิต้องแวะมาชมซากุระที่สวนจิโดริงาฟุจิ แถวสถานี Nagatacho (Y16) แต่ถ้าใครเป็นคอดื่มต้องไม่พลาดย่านยูระคุโช สถานี Yurakucho (Y18) แหล่งรวมร้านแนวอิซากายะ ลิ้มรสอาหารญี่ปุ่นต้นตำรับ ท่ามกลางบรรยากาศแบบญี่ปุ๊นญี่ปุ่น ชอบเที่ยวสไตล์ไหน สายนี้มีครบ!
รถไฟสาย Yurakucho เที่ยวแรก
รถไฟสาย Yurakucho เที่ยวสุดท้าย
Fukutoshin Line บนแผนที่รถไฟฟ้าสัญลักษณ์และเส้นทางจะใช้สีน้ำตาล และตัวอักษร F มีทั้งหมด 16 สถานี โดยสาย Fukutoshin เป็นจุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายต่าง ๆ แถมยังมีแหล่งกิน เที่ยว ช้อป ตามแนวรถไฟฟ้าอีกเพียบ จะไปช้อปปิ้งที่ Sunshine City ห้างดังแถวสถานี Ikebukuro (F09) แวะขอพรที่ศาลเจ้าเมจิ สถานี Kita-Sando (F14) หรือเดินเดี่ยวตามถนนทาเคชิตะ สถานี Meiji-jingumae (F15) ก็ได้ บอกเลยว่า เที่ยวสายเดียวได้ครบทุกรสชาติแน่นอน
รถไฟสาย Fukutoshin เที่ยวแรก
รถไฟสาย Fukutoshin เที่ยวสุดท้าย
Hanzomon Line บนแผนที่รถไฟฟ้าสัญลักษณ์และเส้นทางจะใช้สีม่วง และตัวอักษร Z มีทั้งหมด 14 สถานี เป็นอีกสายที่ระหว่างทางมีสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งที่น่าสนใจ เช่น วิหารเซนต์นิโคลัสแห่งญี่ปุ่น สถานี Jimbocho (Z07) สะพานคิโยสุ สถานี Suitengu-mae (Z10) หรือจะนั่งไปจนสุดสาย ก็มีอีกหนึ่งแลนด์มาร์กอย่าง โตเกียว สกายทรี หอคอยชมวิว 360 องศา ใครอยากเห็นภูเขาไฟฟูจิแบบเต็มตาต้องแวะมา พิกัดสถานี Oshiage (Z14) เลย
รถไฟสาย Hanzomon เที่ยวแรก
รถไฟสาย Hanzomon เที่ยวสุดท้าย
Namboku Line บนแผนที่รถไฟฟ้าสัญลักษณ์และเส้นทางจะใช้สีเขียวมรกต และตัวอักษร N มีทั้งหมด 19 สถานี ต้องบอกว่า เป็นเส้นทางที่มีพิกัดเที่ยวตามแนวรถไฟฟ้ามากมาย ไม่ว่าจะเป็นแหล่งชมวิวอย่าง จุดชมวิวซากุระริมแม่น้ำเมกุโระ สถานี Meguro (N01) และสวนอาสุกะยามะ สถานี Oji (N16) หรือแหล่งช้อปปิ้ง ย่านคากุระซากะ สถานี Iidabashi (N10) และย่านอากาบาเนะ สถานี Akabane-iwabuchi (N19) ใครไม่รู้จะไปที่ไหน ซื้อตั๋วแบบวันเดย์แล้วไปตะลอนตามสายนี้ได้เลย!
รถไฟสาย Namboku เที่ยวแรก
เที่ยวสุดท้าย
หมายเหตุ : เที่ยวเวลาอาจมีการเปลี่ยนแปลง เหล่ากู๊ดดี้สามารถเช็คข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Tokyo Metro
ใครที่กำลังวางแผนจะนั่งรถไฟในโตเกียว แล้วรู้สึกว่าแผนที่รถไฟญี่ปุ่นมันดูซับซ้อนเกินไป ลองทำตามขั้นตอนนี้ รับรองว่ามองแผนที่เป็นใน 3 นาที!
เริ่มต้นจากการรู้จุดหมายก่อนเลยว่า จะไปสถานีอะไร แล้วสถานีนั้นอยู่บนรถไฟสายไหน เช่น สาย JR หรือ Subway แล้วชื่อสายคืออะไร ซึ่งสามารถเช็คได้ง่าย ๆ จาก Google Maps เลย เช่น พิมพ์ว่า “Ueno Station” ก็จะเห็นว่าสถานีนี้มีทั้ง Ginza Line, Hibiya Line (ของ Subway) และ Yamanote Line (ของ JR)
เมื่อรู้ชื่อสายแล้ว ก็ให้มองหาสายนั้นในแผนที่รถไฟ จุดสังเกต คือแต่ละสายจะมีสีประจำตัว เช่น Ginza Line = สีเหลืองส้ม ให้มองหาเส้นสีนั้นในแผนที่ จากนั้นค่อยไล่หาชื่อสถานีที่เราต้องการ เทคนิคนี้ช่วยให้ไม่ต้องมองทั้งแผนที่แบบงง ๆ เพราะเราจะโฟกัสแค่เส้นเดียวเท่านั้น ถ้าต้องนั่งเปลี่ยนสายรถไฟ ให้ดูว่าสถานีไหนเป็นจุดเชื่อม (Interchange) ระหว่างสาย เช่น จาก Ginza Line ไป Hibiya Line ก็ต้องเปลี่ยนที่สถานีที่มีสองสายนี้เชื่อมกันจริง ๆ ไม่ใช่แค่เส้นตัดผ่านกันเฉย ๆ ถ้าดูแผนที่แล้วยังรู้สึกว่ายากไปนิด ก็ไม่ต้องกังวล เพราะเหล่ากู๊ดดี้สามารถใช้ตัวช่วยได้ เช่น Google Maps, Japan Travel by Navitime แค่ใส่ต้นทาง-ปลายทาง ระบบก็จะจัดเส้นทาง + เวลา + ค่าโดยสารให้ครบแบบไม่ต้องคิดเองเลย
รู้จักเส้นทางรถไฟฟ้าญี่ปุ่นเบื้องต้นแล้ว หลายคนอาจจะสงสัยว่า แล้วตั๋วรถไฟฟ้าล่ะ มีแบบไหนบ้าง? แบบไหนคุ้มที่สุด? heygoody สรุปมาให้แล้ว เลือกแบบที่คุ้มเพื่อประหยัดค่าเดินทางแล้วเอาเงินไปช้อปปิ้งกันดีกว่า!
ตั๋วทั่วไป เป็นตั๋วโดยสารแบบเที่ยวเดียว สามารถใช้ได้กับรถไฟฟ้าใต้ดิน Tokyo Metro และ Toei Subway โดยค่าโดยสารตั๋วทั่วไปของ Tokyo Metro จะเริ่มตั้งแต่ 180-330 เยน ส่วนของ Toei Subway จะราคาสูงกว่าเล็กน้อยคือ 180-430 เยน กำหนดตามระยะทาง วิธีซื้อไม่ยุ่งยาก สามารถซื้อได้จากเครื่องจำหน่ายตั๋วที่ตั้งอยู่ทุกสถานีรถไฟฟ้าได้เลย รองรับหลายภาษาด้วยนะ
ตั๋วโตเกียวไม่จำกัดเที่ยว 1-3 วัน สามารถใช้นั่งรถไฟฟ้าใต้ดินแบบไม่จำกัดทั้งของ Tokyo Metro และ Toei Subway รวม 13 สาย 250 สถานีทั่วทั้งเมือง! มีให้เลือก 3 แบบคือ 24 ชั่วโมง 48 ชั่วโมง และ 72 ชั่วโมง โดยมีราคาตามนี้
สามารถซื้อตั๋วที่ช่องจำหน่ายตั๋วรถไฟ Tokyo Metro ได้เลย นอกจากนี้ยังซื้อได้ที่ล็อบบี้ขาเข้าสนามบินนาริตะ เทอร์มินอล 1 และ 2 รวมทั้งล็อบบี้ขาเข้าชั้น 2 เทอร์มินอลผู้โดยสารระหว่างประเทศ สนามบินฮาเนดะ เวลาซื้อตั๋วต้องโชว์พาสปอร์ตด้วยนะ ใครมีแพลนเที่ยวหลายวัน ตั๋วนี้คุ้มสุด ๆ
IC Card เป็นตั๋วแบบเติมเงิน มีด้วยกันหลายประเภท แต่ที่แนะนำให้มีติดตัว คือ Suica กับ PASMO บัตรทั้ง 2 ประเภท สามารถติ๊ดขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดิน รถไฟ JR ได้ รถบัส รถ Taxi ก็จ่ายได้ ตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ หรือแม้แต่ร้านสะดวกซื้อก็ยังจ่ายได้อีก! สะดวกกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว
บัตรนี้ซื้อได้จากเครื่องจำหน่ายตั๋วที่สถานี ค่าออกบัตรครั้งแรกอยู่ที่ 2,000 เยน แบ่งเป็นเงินในบัตร 1,500 เยน และค่ามัดจำบัตรอีก 500 เยน ซึ่งสามารถขอคืนภายหลังได้ เวลาเงินในบัตรจะหมด หรืออยากเติมเพิ่มก็หาตู้กดที่มีสัญลักษณ์ของบัตรนั้น ๆ แล้วเติมเงินได้เลย
หลายคนอาจจะสงสัยว่า แล้วบัตร JR Pass ใช้นั่งรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro ได้ไหม? คำตอบคือ ยังไม่ได้นะ เพราะรถไฟใต้ดินส่วนใหญ่ในญี่ปุ่น อย่าง Tokyo Metro หรือ Toei Subway ไม่ได้อยู่ในเครือของ JR (Japan Railways) เลยไม่สามารถใช้ JR Pass ขึ้นได้ บัตรนี้จะครอบคลุมแค่รถไฟของ JR และบางสายที่เป็นพันธมิตรเท่านั้น
เที่ยวญี่ปุ่นมีแต่คุ้มกับคุ้ม เอาแค่ตามเส้นทางรถไฟฟ้าญี่ปุ่นก็เต็มไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวมากมายแล้ว ยังไม่นับรวมสถานที่อื่น ๆ ที่ยังรอเหล่ากู๊ดดี้ไปเช็คอินอีกเพียบ! หวังว่าแผนที่รถไฟญี่ปุ่น และข้อมูลข้างต้นจะเป็นประโยชน์สำหรับคนที่มีแพลนจะไปเที่ยวญี่ปุ่นเร็ว ๆ นี้ ก่อนเดินทางอย่าลืม ลงทะเบียน Visit Japan Web ให้เรียบร้อย จะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปกรอกเอกสารกระดาษที่จุดตรวจคนเข้าเมือง แค่แสดง QR Code ที่ได้จากการลงทะเบียนก็ช่วยให้เจ้าหน้าที่สามารถตรวจสอบข้อมูลได้รวดเร็วขึ้น เริ่มทริปได้สบายแบบไม่ต้องรอนาน!
เที่ยวญี่ปุ่นแบบสบายใจ ไม่มีสะดุด แค่ซื้อประกันเดินทางต่างประเทศที่ครอบคลุมทุกเหตุเการณ์ไม่คาดฝัน ทั้งกระเป๋าหาย ไฟล์ทดีเลย์ กระเป๋าล่าช้า เจ็บป่วย หรืออุบัติเหตุ ซื้อประกันการเดินทางกับ heygoody ได้แล้ววันนี้ เริ่มต้นหลักร้อย แต่คุ้มครองถึงหลักล้าน!
ที่มา : Tokyo Metro, CheapTickets และ Chill Chill Japan