ใครที่เพิ่งเริ่มสนใจเรื่องประกัน อาจเคยได้ยินคำว่า “เบี้ยประกันภัย” ผ่านหูมาบ้าง แต่รู้หรือไม่ว่า เบี้ยประกันภัยคืออะไรกันแน่ ทำไมเราถึงต้องจ่ายค่าเบี้ยประกันรถยนต์ หรือเบี้ยประกันอื่น ๆ ทุกปี บทความนี้ heygoody จะพาไปเจาะลึกทุกเรื่องเกี่ยวกับเบี้ยประกันภัย ตั้งแต่ความหมาย ความสำคัญ ไปจนถึงวิธีคำนวณ และเคล็ดลับการเลือกซื้อประกันให้เหมาะสมกับความต้องการ เพื่อให้ทุกบาทที่จ่ายไป ไม่เสียเปล่าและได้ความคุ้มครองตรงจุดที่สุด
เบี้ยประกันภัยคืออะไร
เบี้ยประกันภัย คือจำนวนเงินที่ผู้เอาประกันภัยต้องชำระให้กับบริษัทประกันภัยอย่างสม่ำเสมอตามเงื่อนไขที่ตกลงกันไว้ในกรมธรรม์ เพื่อแลกกับการที่บริษัทประกันภัยจะมอบความคุ้มครองและรับผิดชอบค่าใช้จ่ายหรือเงินชดเชย หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์นั้น ๆ ถ้าไม่จ่ายเบี้ยประกันตามกำหนด กรมธรรม์จะถูกยกเลิกและสูญเสียความคุ้มครองทันที
ความสำคัญของเบี้ยประกันภัย
ความสำคัญของเบี้ยประกันภัย คือค่าเบี้ยที่จ่ายส่งผลโดยตรงกับระดับความคุ้มครองและวงเงินเอาประกันภัยที่ได้รับ โดยทั่วไปแล้ว ยิ่งจ่ายเบี้ยประกันสูงเท่าไหร่ ความคุ้มครองที่ได้รับก็จะยิ่งเยอะและมีวงเงินสูงขึ้นตามไปด้วย ทำให้เมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝัน เหล่ากู๊ดดี้ก็สามารถเคลมค่าสินไหมทดแทนได้ในวงเงินที่เพียงพอต่อความเสียหาย ยังไงก็ตาม แนะนำว่า อัตราการจ่ายเบี้ยประกันที่ดีไม่ควรเกิน 10% ของรายได้รวมต่อปี เพื่อให้การดำรงชีวิตมีความสมดุลและไม่เป็นภาระทางการเงินมากเกินไป
ทุนประกัน กับ เบี้ยประกัน ต่างกันอย่างไร
หลายคนอาจสับสนระหว่างคำว่า "เบี้ยประกัน" กับ "ทุนประกัน" ซึ่งเป็นสองคำที่มักใช้คู่กันในวงการประกันภัย แต่มีความหมายและบทบาทที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
- เบี้ยประกันภัย (Premium) คือจำนวนเงินที่เราจ่ายให้กับบริษัทประกันภัย เพื่อแลกกับความคุ้มครองตามเงื่อนไขในกรมธรรม์ เป็นค่าใช้จ่ายที่เราต้องจ่ายเป็นประจำทุกปี หรือตามงวดที่กำหนด
- ทุนประกันภัย (Sum Insured) วงเงินสูงสุดที่บริษัทประกันภัยจะจ่ายชดเชยให้แก่ผู้เอาประกันภัย หรือผู้รับผลประโยชน์ เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ระบุไว้ในกรมธรรม์
สรุปง่าย ๆ เบี้ยประกันภัย คือ "เงินที่เราจ่าย" ส่วนทุนประกันภัย คือ "เงินที่เราจะได้รับ" เมื่อเกิดเหตุเคลม ยิ่งทุนประกันภัยสูงเท่าไหร่ เบี้ยประกันภัยก็มักจะสูงตามไปด้วย เพราะหมายถึงความรับผิดชอบที่บริษัทประกันต้องแบกรับมากขึ้นนั่นเอง
การคำนวณเบี้ยประกันต่าง ๆ
เบี้ยประกันไม่ได้กำหนดตายตัว แต่ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ทั้งตัวผู้เอาประกัน ความเสี่ยง และประเภทของประกันภัย
เบี้ยประกันรถยนต์
เบี้ยประกันรถยนต์ คือค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายเพื่อคุ้มครองรถยนต์จากอุบัติเหตุและความเสียหายต่าง ๆ การคำนวณค่าเบี้ยประกันรถยนต์จะพิจารณาจากปัจจัยหลายอย่าง เช่น
- รุ่นรถยนต์ เครื่องยนต์ และปีที่ผลิต รถยนต์ที่มีราคาสูง หรือรถนำเข้าที่มีค่าอะไหล่และค่าซ่อมแพง มักจะมีเบี้ยประกันที่สูง
- ประวัติการขับขี่ ผู้ขับขี่ที่มีประวัติการขับขี่ดี ไม่เคยเกิดอุบัติเหตุ หรือมีการเคลมน้อยครั้ง จะได้รับส่วนลดเบี้ยประกัน ทำให้ค่าเบี้ยประกันรถยนต์ถูกลง ในทางกลับกัน ผู้ที่มีประวัติการเกิดอุบัติเหตุบ่อย มักจะต้องจ่ายเบี้ยประกันที่สูงขึ้น
- อายุของผู้ขับขี่ (กรณีระบุผู้ขับขี่) โดยทั่วไปแล้ว ผู้ขับขี่วัยหนุ่มสาวที่เพิ่งหัดขับรถ หรือผู้สูงอายุที่มีสมรรถภาพทางร่างกายถดถอย อาจถูกประเมินว่ามีความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุสูงกว่า ทำให้เบี้ยประกันสูงกว่าผู้ขับขี่วัยกลางคน
- พื้นที่การขับขี่ ถ้าขับรถในพื้นที่ที่มีการจราจรหนาแน่น เช่น ในเมืองใหญ่ที่มีรถมาก ความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุจะสูงกว่า ทำให้ค่าเบี้ยประกันรถยนต์สูงขึ้น ในขณะที่การขับขี่ในต่างจังหวัดที่การจราจรเบาบางกว่า เบี้ยประกันอาจถูกลง
- เงื่อนไขความคุ้มครอง ประกันรถยนต์ชั้น 1 ที่ให้ความคุ้มครองครอบคลุมมากที่สุด จะมีค่าเบี้ยประกันรถยนต์แพงที่สุด เมื่อเทียบกับประกันชั้น 2+, 2, 3+ และ 3
เบี้ยประกันสุขภาพ
เบี้ยประกันสุขภาพจะคำนวณจากปัจจัยด้านสุขภาพและความเสี่ยงของแต่ละบุคคลเป็นหลัก ได้แก่
- อายุ อายุที่ต่างกัน ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงต่อสุขภาพที่ต่างกันไป ถ้าอยากจ่ายเบี้ยในราคาสบายกระเป๋า ควรเริ่มทำประกันตั้งแต่อายุยังน้อยและสุขภาพยังดี
- ประวัติสุขภาพและโรคประจำตัว ถ้ามีประวัติการเจ็บป่วยบ่อยครั้ง หรือมีโรคประจำตัว โดยเฉพาะโรคร้ายแรง จะส่งผลให้เบี้ยประกันสูงขึ้น เนื่องจากบริษัทประกันต้องรับความเสี่ยงสูงขึ้น
- อาชีพ อาชีพที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดอุบัติเหตุหรือเจ็บป่วย เช่น งานที่ใช้แรงงาน หรืองานกลางแจ้ง มักจะมีเบี้ยประกันที่สูงกว่าอาชีพที่ทำงานในออฟฟิศ
เบี้ยประกันอุบัติเหตุ
เบี้ยประกันอุบัติเหตุจะเน้นที่ปัจจัยด้านความเสี่ยงจากการเกิดอุบัติเหตุเป็นหลัก โดยพิจารณาจาก
- ลักษณะอาชีพ อาชีพที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดอุบัติเหตุ เช่น นักดับเพลิง ช่างก่อสร้าง หรือผู้ที่ทำงานกับเครื่องจักรหนัก มักจะต้องจ่ายเบี้ยประกันที่แพงกว่าผู้ที่ทำงานในสำนักงาน
- อายุ ผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีโรคประจำตัวจะมีความเสี่ยงสูงขึ้น ทำให้เบี้ยประกันอุบัติเหตุแพงกว่าคนทั่วไป
เบี้ยประกันเดินทาง
สำหรับเบี้ยประกันเดินทาง ปัจจัยหลักที่ใช้ในการคำนวณคือ
- จุดหมายปลายทาง การเดินทางไปยังประเทศที่มีความเสี่ยงสูง หรือประเทศที่มีค่ารักษาพยาบาลแพง เบี้ยประกันก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย
- ระยะเวลาการเดินทาง ยิ่งระยะเวลาการเดินทางนานเท่าไหร่ เบี้ยประกันก็จะยิ่งสูงขึ้น
- ความคุ้มครองที่เลือก แต่ละแผนประกันเดินทางจะมีความคุ้มครองที่แตกต่างกัน ซึ่งส่งผลต่อเบี้ยประกันโดยตรง
เบี้ยประกันใช้ลดหย่อนภาษีได้ไหม
เบี้ยประกันหลายประเภทสามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ด้วยนะ ซึ่งช่วยให้ประหยัดค่าใช้จ่ายได้อีกทางหนึ่ง โดยหลัก ๆ แล้วเบี้ยประกันที่นำมาลดหย่อนภาษีได้แก่ ประกันชีวิตทั่วไป ประกันชีวิตแบบบำนาญ ประกันสุขภาพตนเอง และประกันสุขภาพของพ่อแม่ ส่วนเบี้ยประกันรถยนต์และประกันทรัพย์สินอื่น ๆ ไม่สามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้ เพราะไม่ได้เกี่ยวข้องกับสุขภาพ เศรษฐกิจ และปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีวิต
วิธีเลือกประกันให้เหมาะสม หมดปัญหาเบี้ยถูกแต่ไม่คุ้ม-แพงแต่ไม่จำเป็น
การเลือกประกันภัยให้เหมาะสมกับตัวเอง ไม่ใช่แค่การมองหาเบี้ยประกันภัยที่ถูกที่สุด หรือเลือกแผนที่แพงที่สุดแล้วจะดีเสมอไป แต่สิ่งสำคัญคือการพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ ให้รอบด้าน เพื่อให้ได้ความคุ้มครองที่คุ้มค่าและตอบโจทย์ความต้องการของเหล่ากู๊ดดี้มากที่สุด ลองนำเคล็ดลับเหล่านี้ไปปรับใช้กันดูนะ
- ประเมินความเสี่ยงของตัวเอง ก่อนอื่นต้องรู้ว่าเรามีความเสี่ยงอะไรบ้าง เช่น มีโรคประจำตัวไหม ขับรถบ่อยแค่ไหน มีทริปเดินทางบ่อยหรือไม่ การประเมินความเสี่ยงจะช่วยให้เลือกความคุ้มครองที่ตรงจุด เช่น หากมีญาติสายตรงเป็นมะเร็ง อาจพิจารณาเพิ่มความคุ้มครองโรคมะเร็ง
- พิจารณาทุนประกันที่ครอบคลุม เลือกวงเงินที่เพียงพอต่อความเสียหายหรือค่ารักษาพยาบาลที่อาจเกิดขึ้น เพื่อไม่ต้องควักเงินเก็บมาจ่ายเพิ่มเอง
- เลือกบริษัทประกันที่มีความน่าเชื่อถือ ควรเลือกบริษัทที่มีชื่อเสียง มั่นคง มีบริการที่ดี มีขั้นตอนการเคลมที่สะดวก รวดเร็ว ไม่ยุ่งยาก และมีเครือข่ายโรงพยาบาล อู่ซ่อม หรือศูนย์บริการที่ครอบคลุม เพื่อความสะดวกสบายเมื่อต้องเข้ารับบริการ
- กำหนดงบประมาณที่เหมาะสม เบี้ยประกันภัยที่จ่ายควรอยู่ในระดับที่เหมาะสมกับความสามารถในการจ่ายของเรา ไม่ควรสูงเกินกว่า 10% ของรายได้ต่อปี เพื่อไม่ให้เป็นภาระทางการเงิน
- เปรียบเทียบแผนประกันภัย อย่าเพิ่งรีบตัดสินใจ ควรเปรียบเทียบแผนประกันจากหลาย ๆ บริษัท ทั้งในแง่ของความคุ้มครอง ค่าเบี้ยประกัน วงเงินเอาประกัน และเงื่อนไขต่าง ๆ เพื่อให้ได้ข้อเสนอที่ดีที่สุดที่ตรงกับความต้องการและงบประมาณ
เลือกประกันที่ใช่กับ heygoody จ่ายเบี้ยเท่าไหร่ก็คุ้มค่า
การทำความเข้าใจว่า เบี้ยประกันภัย คืออะไร และมีความสำคัญยังไง จะช่วยให้เหล่ากู๊ดดี้วางแผนการเงินและเลือกประกันภัยได้อย่างชาญฉลาด เพราะเบี้ยประกันภัยไม่ใช่แค่ค่าใช้จ่าย แต่เป็นการลงทุนเพื่อความปลอดภัยและความอุ่นใจในชีวิต
heygoody โบรกเกอร์ประกันออนไลน์ พร้อมให้บริการประกันครบวงจรที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นประกันรถยนต์แบบเต็มปี หรือประกันรถยนต์ระยะสั้นสำหรับผู้ที่ใช้รถเป็นครั้งคราว ประกันเดินทางที่ครอบคลุมทุกจุดหมายปลายทาง คัดมาให้เลือกเปรียบเทียบจากบริษัทประกันชั้นนำมากมาย พร้อมทีมงานผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมให้คำปรึกษา เพื่อให้เหล่ากู๊ดดี้ได้เบี้ยประกันภัยที่คุ้มค่า พร้อมความคุ้มครองที่ตรงใจแบบไม่ต้องจ่ายเกินจำเป็น ค้นหาประกันที่เหมาะกับตัวเองได้เลยที่ heygoody!
ที่มา : ธนาคารไทยพาณิชย์ และ MAKE by KBank