รถยนต์ไฟฟ้าได้รับความนิยมมากกว่าเมื่อก่อน แนวโน้มของตลาดก็เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ สิ่งที่ทำให้คนจำนวนมากเลือกใช้งานรถไฟฟ้าคือ ไม่ต้องใช้น้ำมันแบบราคาแพงแบบเดิม มอเตอร์มีเสถียรภาพเทียบเท่ากันเครื่องยนต์สันดาป งานผลิตที่ได้มาตรฐานใช้งานในชีวิตประจำวันได้สบาย ๆ แต่บางคนอาจกังวลว่ารถไฟฟ้าโดนฝนได้มั้ย เพราะอย่างที่ทุกคนรู้กันว่าไฟฟ้าไม่ถูกกับน้ำ แล้วถ้าต้องลุยน้ำท่วมอันตรายรึเปล่า วันนี้ heygoody ขออธิบายให้ทุกคนเข้าใจ รถไฟฟ้ามีปลอดภัยขนาดไหนและมีอะไรที่ไม่ควรมองข้าม
เพื่อช่วยไขข้อสงสัยเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้ากับน้ำ heygoody ของแบ่งปัญหาออกเป็น 3 ประเด็น คือ ความสามารถในการลุยน้ำท่วม ประจุไฟฟ้าในระหว่างฝนตก เรื่องการชาร์จไฟฟ้าในขณะฝนกำลังตกอยู่ มีรายละเอียดดังนี้
รถยนต์ไฟฟ้าทุกรุ่นสามารถลุยน้ำท่วมได้ไม่ต่างจากรถยนต์ธรรมดาทั่วไป เพราะผู้ผลิตทุกค่ายคิดค้นออกแบบให้ทนต่อสภาวะต่าง ๆ ทั้งระบบมอเตอร์ไฟฟ้ากับแบตเตอรี่ถูกออกแบบมาให้กันฝุ่นได้ในระดับ IP67 ไม่มีปัญหาเมื่อต้องขับผ่านจุดที่มีน้ำท่วมขังอย่างช้า ๆ แต่ถ้าระดับน้ำท่วมสูงเกินครึ่งล้อ แนะนำว่าควรมองหาจุดจอดพักรถดีกว่า เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำเข้าไปทำลายซีลยาง อะไหล่บางส่วนทนน้ำได้ไม่นาน ปัญหานี้ไม่ได้มีเฉพาะรถไฟฟ้าเท่านั้น รถยนต์สันดาปเองก็ไม่ควรลุยน้ำในระดับนี้
หลายคนกังวลว่ารถไฟฟ้าโดนฝนได้มั้ยเพราะประจุไฟฟ้าอาจส่งผลต่อความปลอดภัย เรื่องนี้ทางผู้ผลิตทำการบ้านแล้วอย่างดี ด้วยการออกแบบแท่นประจุไฟฟ้าให้ทำงานตอนโดนฝนตก ออกแบบช่องระบายน้ำรอบด้าน เพื่อเชื่อมต่อกับหัวประจุไฟฟ้าผ่านมาตรฐานกันน้ำระดับ IP54 ที่สำคัญภายในระบบมีอุปกรณ์ GFI (Ground Fault Interrupter) ตัดไฟทันทีเมื่อตรวจพบกระแสไฟฟ้าไหลย้อนกลับเพื่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่
รถยนต์ไฟฟ้าทุกคันชาร์จไฟตอนฝนตกได้ตามปกติ เพราะตัวแท่นชาร์จมีมาตรฐานความปลอดภัยสูง มีร่องระบายน้ำครอบกันน้ำตามจุดสำคัญ ทุกตู้ชาร์จติดตั้งระบบตัดไฟรั่วเอาไว้อยู่แล้ว ส่วนเต้ารับของรถยนต์ไฟฟ้าทุกคันมีมาตรฐานการกันน้ำกันฝุ่นทุกส่วน มีเซนเซอร์ตรวจจับพร้อมตัดไฟทันทีเมื่อเกิดไฟ แต่ก่อนเสียบชาร์จควรเช็ดหัวประจุและเต้ารับให้แห้งก่อนดีกว่า
ถึงรถไฟฟ้าทุกคันผ่านมาตรฐานการกันน้ำ กันฝุ่น แต่หลักสำคัญให้ขับรถปลอดภัยอยู่ที่ตัวผู้ขับขี่ล้วน ๆ heygoody ขอแนะนำเทคนิคการขับรถไฟฟ้าลุยน้ำฝ่าพายุฝนให้ปลอดภัยตัวเองและเพื่อนร่วมทาง ดังนี้
ช่วงฝนตกถนนจะลื่นมากกว่าปกติ จึงควรขับให้ช้าลงประมาณ 60-80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อยู่ในระดับที่บังคับรถได้เมื่อคันข้างหน้าเบรกกะทันหัน ถ้าเจอน้ำท่วมพยายามขับให้ช้าลงอีกเพื่อลดแรงปะทะจากคลื่นน้ำใต้ท้องรถ และป้องกันชิ้นส่วนต่าง ๆ เสียหาย
ตามปกติขับรถต้องเว้นระยะห่างจากคันหน้าประมาณ 20-30 เมตร เมื่อฝนตกถนนลื่นแนะนำให้เพิ่มระยะห่าง 2 เท่า จาก 30 เป็น 60 เมตร เพื่อป้องกันเหตุฉุกเฉินที่เกิดขึ้นได้ง่ายกว่าสภาพถนนปกติ เช่น รถลื่นไถล คันหน้าเบรกกะทันหัน มีสิ่งกีดขวางบนถนน เป็นต้น
ไม่ใช่แค่รถยนต์สันดาปเท่านั้น รถไฟฟ้าเองควรปิดแอร์เมื่อต้องลุยน้ำท่วมด้วย เพราะพัดลมจากระบบแอร์ พัดน้ำเข้ามาจากด้านหน้ารถกระจายไปยังชิ้นส่วนสำคัญของระบบไฟฟ้าได้ เสี่ยงทำให้รถดับกลางถนน ถ้าบนหน้าปัดขึ้นสัญญาณเตือนรูปแบตเตอรี่ ควรปิดแอร์ทันที
แน่นอนว่ารถยนต์ไฟฟ้าทุกรุ่นทุกคัน ผู้ผลิตออกแบบวางระบบต่าง ๆ มาแล้วอย่างดี มั่นใจได้ว่าขับขี่ได้อย่างปลอดภัย แต่ความประมาทมักเกิดขึ้นได้เสมอควรทำประกันเอาไว้เพื่อเพิ่มความมั่นใจตอนขับขี่ สำหรับใครที่กำลังมองหาประกันรถยนต์ไฟฟ้าค่าเบี้ยไม่แรง heygoody มาพร้อมกับประกันภัยรถยนต์จากบริษัทชั้นนำมากถึง 17 บริษัท เริ่มต้น 19,000 บาท เลือกผ่อนชำระ 0% ได้นานสุด 10 เดือน คุ้มครองครบจบในกรมธรรม์เดียว
พยายามเลี่ยงพื้นที่น้ำท่วมขังเกินครึ่งล้อ ถึงแม้ว่าระบบภายในของรถยนต์ไฟฟ้ามีมาตรฐานกันน้ำระดับ IP67 และ IP54 แล้ว แต่น้ำก็มีผลต่อส่วนอะไหล่ส่วนต่าง ๆ อยู่ไม่น้อย ที่สำคัญยังมองไม่เห็นด้วยในน้ำที่ท่วมขังมีหลุมสิ่งกีดขวางอะไรบ้าง ถือเป็นอันตรายต่อระบบช่วงล่างโดยตรง
แน่นอนว่ารถยนต์ไฟฟ้าทุกรุ่นทุกคัน ผู้ผลิตออกแบบวางระบบต่าง ๆ มาแล้วอย่างดี มั่นใจได้ว่าขับขี่ได้อย่างปลอดภัย แต่ความประมาทมักเกิดขึ้นได้เสมอควรทำประกันเอาไว้เพื่อเพิ่มความมั่นใจตอนขับขี่ สำหรับใครที่กำลังมองหาประกันรถยนต์ไฟฟ้าค่าเบี้ยไม่แรง heygoody มาพร้อมกับประกันภัยรถยนต์จากบริษัทชั้นนำมากถึง 17 บริษัท เริ่มต้น 19,000 บาท เลือกผ่อนชำระ 0% ได้นานสุด 10 เดือน คุ้มครองครบจบในกรมธรรม์เดียว